หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แนวข้อสอบกลางภาค ปวส. วิชาหลักการตลาด

1. ข้อใดเป็นการส่งเสริมการตลาด (Product Mix)
ก. การบรรจุหีบห่อ ข. การใช้พนักงานขาย
ค. ระยะเวลาการชำระเงิน ง. การขนส่ง
2. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของปัจจัยที่ควบคุมได้
ก. การจัดจำหน่าย ข. ผลิตภัณฑ์
ค. การส่งเสริมการตลาด ง. การเมือง
3. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้
ก. ราคา ข. การแข่งขัน
ค. เทคโนโลยี ง. ภาวะเศรษฐกิจ
4. นโยบายและกลยุทธ์เกี่ยวข้องกับเรื่องใด
ก. Promotion Mix ข. Price Mix
ค. Place Mix ง. Product Mix
5. การคิดผลิตภัณฑ์ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมเป็นแนวความคิดด้านใด
ก. ด้านผลิตภัณฑ์ ข. ด้านการผลิต
ค. ด้านการขาย ง. ด้านการตลาดเพื่อสังคม
6. ข้อใดเป็นภาวะเงินเฟ้อ (Inflotion)
ก. ระดับราคาสินค้าสูงขึ้นอย่างรวดเร็วกว่ารายได้ของผู้บริโภค
ข. อำนาจการซื้อสินค้ามีมากขึ้น
ค. ต้นทุนการผลิตถูกลงอย่างรวดเร็ว
ง. ถูกทุกข้อ
7. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
ก. Marketing Mix ได้แก่ Product, Price, Place, Promotion
ข. SWOT Analysis ได้แก่ Strengths, Weaknesses, Opportunities, Technology
ค. Promotion Mix ได้แก่ Advertising, Public Relations, Sales Promotion, Personal Selling
ง. ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ได้แก่ กฎหมาย , วัฒนธรรม , ประชากร , สิ่งแวดล้อม
8. “ทัศนคติที่ดีต่อสินค้าของผู้บริโภค” จัดอยู่ในข้อใด
ก. จุดแข็ง ข. จุดอ่อน
ค. โอกาส ง. อุปสรรค
9. ข้อใดเป็นการแบ่งส่วนตลาดตามหลักทางสังคมและจิตวิทยา
ก. บุคลิกภาพ ข. ทัศนคติ
ค. ความพร้อม ง. ความซื่อสัตย์
10. การแบ่งเขตตลาดภาคเหนือ , อีสาน , ใต้ , กลาง เป็นการแบ่งตลาดตามข้อใด
ก. ตามหลักภูมิศาสตร์ ข. ตามหลักประชากรศาสตร์
ค. ตามหลักทางสังคมและจิตวิทยา ง. ตามหลักพฤติกรรม
11. การแบ่งตลาดตามการศึกษา , รายได้ , เชื้อชาติ เป็นการแบ่งตามข้อใด
ก. ตามหลักภูมิศาสตร์ ข. ตามหลักประชากรศาสตร์
ค. ตามหลักทางสังคมและจิตวิทยา ง. ตามหลักพฤติกรรม
12. ข้อใดคือลักษณะการตลาดที่ไม่แตกต่าง (Undifferentiated Marketing)
ก. การผลิตในรูปแบบมาตรฐานเดียวกัน และผลิตจำนวนน้อย
ข. การผลิตในรูปแบบมาตรฐานแตกต่าง และผลิตจำนวนมาก
ค. การผลิตในรูปแบบมาตรฐานเดียวกัน และผลิตจำนวนมาก
ง. การผลิตในรูปแบบมาตรฐานเดียวกัน และผลิตจำนวนน้อย
13. “การป้องกันส่วนครองตลาด” เป็นกลยุทธ์การตลาดแบบใด
ก. การตลาดผู้นำ ข. การตลาดคู่ชิง
ค. การตลาดอยู่ตาม ง. การตลาดของธุรกิจรายย่อย
14. “การโจมตีคู่แข่งขันที่เล็กกว่า” เป็นกลยุทธ์การตลาดแบบใด
ก. การตลาดผู้นำ ข. การตลาดคู่ชิง
ค. การตลาดอยู่ตาม ง. การตลาดของธุรกิจรายย่อย
15. ข้อใดเป็นทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ลำดับแรก
ก. ต้องการความปลอดภัย ข. การยกย่องนับถือ
ค. ต้องการด้านร่างกาย ง. ต้องการความรักและยอมรับ
16. การลด, แลก, แจก, แถม เป็นสิ่งกระตุ้นด้านใด
ก. ด้านผลิตภัณฑ์ ข. ด้านราคา
ค. ด้านช่องทางการจำหน่าย ง. ด้านการส่งเสริมการตลาด
17. “ความต้องการการยกย่องนับถือ” อยู่ลำดับขั้นใดของทฤษฎีมาสโลว์
ก. ขั้นที่ 1 ข. ขึ้นที่ 2
ค. ขั้นที่ 3 ง. ขึ้นที่ 4
18. กระบวนการแรกของการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้แก่ข้อใด
ก. มองเห็นปัญหา ข. แสวงหาภายใน
ค. ประเมินทางเลือก ง. แสวงหาภายนอก
19. การส่งมอบสินค้าให้ตรงเวลา เป็นจรรยาบรรณที่เกี่ยวกับใคร
ก. ลูกค้า ข. กิจการ
ค. คู่แข่ง ง. สังคม
20. “ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าเพราะตรายี่ห้อโดยไม่คำนึงถึงราคา” เป็นสินค้าประเภทใด
ก. สะดวกซื้อ ข. เปรียบเทียบซื้อ
ค. เจาะจงซื้อ ง. ไม่แสวงซื้อ
21. “ประกันชีวิต” เป็นสินค้าประเภทใด
ก. สะดวกซื้อ ข. เปรียบเทียบซื้อ
ค. เจาะจงซื้อ ง. ไม่แสวงซื้อ
22. “วัสดุในการดำเนินงาน” (Operation Supplies) ได้แก่ข้อใด
ก. ตะปู หลอดไฟ ถ่านไฟฉาย ข. กระดาษ ยางลบ ดินสอ
ค. ไม้กวาด ไม้ถูพื้น น้ำยาขัดพื้น ง. แม่แรง เลื่อย สว่าน
23. “ตราสินค้าที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย” คือข้อใด
ก. Brand Name ข. Brand Mark
ค. Trade Mark ง. Logo
24. “การแจ้งสรรพคุณ , วันเดือนปีที่ผลิต , ปริมาณสุทธิ” เป็นลักษณะของข้อใด
ก. โลโก้ ข. สโลแกน
ค. บรรจุภัณฑ์ ง. ฉลาก
25. ช่วงที่มีคู่แข่งขันเข้ามาในตลาดมาก เป็นวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ในช่วงใด
ก. Introduction Stage ข. Growth Stage
ค. Maturity Stage ง. Decline Stage
26. สินค้าอุตสาหกรรม ควรใช้กลยุทธ์การตลาดวิธีใด
ก. โฆษณาทีวี ข. หนังสือพิมพ์
ค. วิทยุ ง. พนักงานขายโดยตรง
27. ช่วงที่ตลาดยอมรับสินค้า บริษัทได้กำไรจำนวนมาก เป็นวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ในช่วงใด
ก. Introduction Stage ข. Growth Stage
ค. Maturity Stage ง. Decline Stage
28. กล่องใส่สินค้าที่ใช้เพื่อการขนส่งสินค้าไปยังปลายทางให้ปลอดภัย เป็นบรรจุภัณฑ์แบบใด
ก. ปฐมบรรจุภัณฑ์ ข. ทุติยบรรจุภัณฑ์
ค. ตติยบรรจุภัณฑ์ ง. บรรจุภัณฑ์ที่พิเศษ
29. ข้อใดเป็นลักษณะของตลาดอุตสาหกรรม
ก. ซื้อเพื่อใช้ในครอบครัว ข. ซื้อครั้งละมากๆ
ค. มีผู้ซื้อจำนวนมาก ง. โรงงานอยู่ใกล้ชุมชน
30. การซื้อสินค้าบ่อยครั้ง คุณภาพสินค้าใกล้เคียงกัน เป็นลักษณะสินค้าประเภทใด
ก. สินค้าสะดวกซื้อ ข. สินค้าเปรียบเทียบซื้อ
ค. สินค้าเจาะจงซื้อ ง. สินค้าไม่แสวงซื้อ
31. “การตั้งราคาสินค้าเพื่อรักษาภาวะการจ้างงาน” เป็นการตั้งราคาเพื่อวัตถุประสงค์ใด
ก. เพื่อมุ่งกำไร ข. การแข่งขัน
ค. มุ่งด้านสังคม ง. สร้างภาพลักษณ์
32. ข้อใดไม่ใช่การตั้งราคาตามภูมิศาสตร์
ก. การตั้งราคาส่งมอบราคาเดียว ข. การตั้งราคาตามเขต
ค. การให้ส่วนลดการค้า ง. การตั้งราคาขายแบบผู้ขายรับภาระค่าขนส่ง
33. “การกำหนดราคาสินค้า ณ. จุดผลิตหรือแหล่งผู้ขายโดยไม่รวมค่าขนส่ง” เป็นลักษณะการตั้งราคาแบบใด
ก. การตั้งราคาแบบ F.O.B. ข. การตั้งราคาตามเขต
ค. การตั้งราคาส่งมอบราคาเดียว ง. การตั้งราคาจากจุดฐานที่กำหนด
34. ข้อใดเป็นการตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา
ก. การตั้งราคาระดับสูง ข. การตั้งราคาระดับต่ำ
ค. ตั้งราคาตามคู่แข่ง ง. ตั้งราคาด้วยเลขคี่
35. “การตั้งราคาสำหรับสินค้าที่เสื่อมความนิยม” จะทำในช่วงใดของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์
ก. ขั้นแนะนำ ข. ขั้นเติบโต
ค. ขั้นอิ่มตัว ง. ขั้นถดถอย
36. การตั้งราคาสินค้าให้สูงเพื่อแสดงถึงคุณค่าของสินค้าและความมีคุณภาพดีของสินค้า เป็นวัตถุประสงค์ในการกำหนดราคาข้อใด
ก. เพื่อสร้างยอดขาย ข. เพื่อรักษาส่วนครองตลาด
ค. เพื่อมุ่งด้านสังคม ง. เพื่อสร้างภาพลักษณ์
37. ปริมาณการผลิตหรือปริมาณการขายที่มีผลทำให้รายได้ทั้งสิ้นเท่ากับต้นทุนทั้งสิ้นพอดี เป็นความหมายของข้อใด
ก. Mark up ข. Breakeven Point
ค. Demand ง. Supply
38. การให้ส่วนลดจากราคาขายที่ผู้ซื้อได้รับหากชำระเงินภายในเวลาที่กำหนด เป็นวัตถุประสงค์ของส่วนลดใด
ก. ส่วนลดการค้า ข. ส่วนลดปริมาณ
ค. ส่วนลดเงินสด ง. ส่วนลดตามฤดูกาล
39. ข้อใดเป็นลักษณะส่วนยอมให้สำหรับการเป็นนายหน้า
ก. เป็นค่าตอบแทนที่ผู้ขายให้แก่บุคคลที่เป็นคนกลางในการนำผู้ซื้อผู้ขายมาตกลงซื้อขาย กันได้
ข. เป็นค่าตอบแทนที่ผู้ขายให้ส่วนลดแก่คนกลาง
ค. เป็นการที่ผู้ขายให้ส่วนลดแก่ผู้ซื้อที่นำสินค้าเก่ามาแลกสินค้าใหม่
ง. ถูกทุกข้อ
40. การตั้งราคาสินค้าให้ต่ำกว่าต้นทุนเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้าร้าน เป็นวัตถุประสงค์ใด
ก. การตั้งราคาในเทศกาลพิเศษ ข. การตั้งราคาต่ำ
ค. การตั้งราคาล่อใจ ง. การตั้งราคาตามคู่แข่ง
41. การคลังสินค้า , การขนส่ง เกี่ยวข้องกับข้อใด
ก. ผลิตภัณฑ์ ข. ราคา
ค. การจัดจำหน่าย ง. การส่งเสริมการตลาด
42. การบรรจุหีบห่อ เกี่ยวข้องกับข้อใด
ก. ผลิตภัณฑ์ ข. ราคา
ค. การจัดจำหน่าย ง. การส่งเสริมการตลาด
43. การตลาดใช้เวลาในการเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าและบริการ โดยการนำสินค้ามาเก็บไว้เพื่อรอ ผู้ซื้อ เกี่ยวข้องกับข้อใด
ก. Form Utility ข. Time Utility
ค. Place Utility ง. Procession Utility
44. การท่าเรือแห่งประเทศไทย เกี่ยวข้องกับการศึกษาเรื่องใด
ก. เกี่ยวกับการผลิต ข. เกี่ยวกับสถาบันการค้า
ค. เกี่ยวกับหน้าที่ทางการตลาด ง. เกี่ยวกับสังคม
45. ป้ายโฆษณากลางแจ้ง (Cut Out) เป็นการส่งเสริมการตลาดด้านใด
ก. Advertising ข. Public Relations
ค. Sales Promotion ง. Personal Selling
46. ภาพพจน์ของสินค้าและบริษัทดี เกี่ยวข้องกับข้อใด
ก. จุดแข็ง ข. จุดอ่อน
ค. โอกาส ง. อุปสรรค
47. “เป็นตลาดที่มุ่งการผลิตจำนวนมาก รูปแบบเดียวกัน มีลักษณะการใช้แนวคิดเน้นที่การผลิต จึงทำให้ช่วยลดต้นทุน” เป็นลักษณะการตลาดใด
ก. ตลาดมวลชน ข. ตลาดโดยมุ่งที่ส่วนของตลาด
ค. ตลาดที่มุ่งที่ตลาดกลุ่มเล็ก ง. ตลาดท้องถิ่น
48. ลักษณะผู้ใช้ผลิตภัณฑ์มีวัตถุประสงค์ต่อตรายี่ห้อเป็นอย่างมาก เกี่ยวข้องกับข้อใด
ก. โอกาสในการซื้อ ข. ทัศนคติ
ค. ความพร้อม ง. ความซื่อสัตย์
49. กลยุทธ์ในการเลือกเข้าตี เกี่ยวข้องกับข้อใด
ก. กลยุทธ์ตลาดผู้นำ
ข. กลยุทธ์การแข่งขันทางการตลาดของคู่ชิง
ค. กลยุทธ์การแข่งขันทางการตลาดของผู้ตาม
ง. กลยุทธ์การแข่งขันทางการตลาดของธุรกิจรายย่อย
50. การผลิตสินค้าเลียนแบบคู่แข่งขันเป็นกลยุทธ์ที่สามารถสร้างกำไรได้เลียนแบบการจัดจำหน่ายหรือโฆษณา เกี่ยวข้องกับข้อใด
ก. กลยุทธ์ตลาดผู้นำ
ข. กลยุทธ์การแข่งขันทางการตลาดของคู่ชิง
ค. กลยุทธ์การแข่งขันทางการตลาดของผู้ตาม
ง. กลยุทธ์การแข่งขันทางการตลาดของธุรกิจรายย่อย
51. การตามอย่างใกล้ชิดเป็นกลยุทธ์ประเภทใด
ก. กลยุทธ์โจมตีทางอ้อม ข. กลยุทธ์ผู้ตามตลาด
ค. กลยุทธ์ผู้ท้าชิง ง. กลยุทธ์โจมตีทางตรง
52. การซื้อสินค้าเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว เป็นลักษณะของตลาดประเภทใด
ก. ตลาดผูกขาด ข. ตลาดกึ่งแข่งขัน
ค. ตลาดผู้ผลิต ง. ตลาดผู้บริโภค
53. การแบ่งส่วนตลาดตามลักษณะพฤติกรรมคือข้อใด
ก. วัยรุ่น หนุ่มสาว ข. เกลียด ไม่ชอบ ภูมิใจ
ค. เขตหนาว เขตอบอุ่น ง. ซื่อตรง มีระเบียบ
54. ตลาดที่มีผู้ผลิตและผู้จำหน่ายคงเดิมทำการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคสำคัญๆ ได้แก่
ก. ตลาดแข่งขันน้อยรายที่ไม่สมบูรณ์ ข. ตลาดกึ่งผูกขาด
ค. ตลาดแข่งขันน้อยรายสมบูรณ์ ง. ตลาดผูกขาดสมบูรณ์
55. ข้อใดหมายถึงผู้บริโภค
ก. บุคคลที่หาข้อมูลผลิตภัณฑ์ของธุรกิจ
ข. บุคคลที่เห็นโฆษณาผลิตภัณฑ์ของธุรกิจ
ค. บุคคลที่พอใจผลิตภัณฑ์ของธุรกิจ
ง. บุคคลที่ซื้อผลิตภัณฑ์ของธุรกิจ
56. ข้อใดไม่ใช่วิธีการแสวงหาภายนอก
ก. การระลึกความทรงจำ ข. การหาข้อมูลจากโฆษณา
ค. การโทรศัพท์พูดคุยกับร้านค้า ง. การสอบถามจากผู้ที่เคยใช้สินค้า
57. ข้อใดกล่าวถูกเกี่ยวกับการประเมินทางเลือก
ก. การประเมินทางเลือกเกิดขึ้นหลังการแสวงหาข้อมูลแล้ว
ข. นักการตลาดต้องพยายามหามาตรการในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
ค. การปรับเปลี่ยนสินค้าให้ตรงกับมาตรการการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคง่ายกว่าการเปลี่ยนมาตรการของผู้บริโภค
ง. กล่าวถูกทุกข้อ
58. ข้อใดเป็นสิ่งกระตุ้นที่ควบคุมไม่ได้
ก. สิ่งกระตุ้นราคา ข. สิ่งกระตุ้นทางเศรษฐกิจ
ค. สิ่งกระตุ้นด้านผลิตภัณฑ์ ง. สิ่งกระตุ้นด้านช่องทางการจัดจำหน่าย
59. เหตุใดนักการตลาดจึงต้องวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค
ก. เพื่อรายงานผู้บริหาร
ข. เพื่อให้เป็นไปตามทฤษฎี
ค. เพื่อดูความแตกต่างของมนุษย์
ง. เพื่อจะได้จัดกลยุทธ์สนองความต้องการได้อย่างเหมาะสม
60. การล้วงลึกเข้าไปในความทรงจำเพื่อคิดหาวิธีการแก้ปัญหา หมายถึงข้อใด
ก. การมองเห็นปัญหา ข. การประเมินทางเลือก
ค. การแสวงหาภายใน ง. การแสวงหาภายนอก
61. ข้อใดเป็นองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ที่สามารถสัมผัสได้
ก. ภาพพจน์ ข. บรรจุภัณฑ์
ค. แนวความคิด ง. การให้บริการ
62. สินค้าอุปโภคบริโภคตามข้อใดที่ลูกค้ามีความซื่อสัตย์ต่อตราสินค้า
ก. สินค้าไม่แสวงซื้อ ข. สินค้าเปรียบเทียบซื้อ
ค. สินค้าสะดวกซื้อ ง. สินค้าเจาะจงซื้อ
63. ข้อใดไม่จัดเป็นผู้ใช้อุตสาหกรรม
ก. การซื้อตะปูของผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์
ข. การซื้อแป้งสาลีของโรงงานขนมปัง
ค. การซื้อน้ำตาลทรายของร้านขนมหวาน
ง. การซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ของนักศึกษา
64. ข้อใดจัดกลุ่มได้ถูกต้องตามลักษณะของสายผลิตภัณฑ์ (Product Line)
ก. ผงชูรส เสื้อผ้า แชมพู ข. น้ำตาล กาแฟ คอฟฟี่เมท
ค. หนังสือ ขนมปัง ปากกา ง. โทรศัพท์ ไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า
65. ข้อใดจัดเป็นลักษณะของตลาดอุตสาหกรรม
ก. ซื้อครั้งละมากๆ ข. มีผู้ซื้อจำนวนมาก
ค. ซื้อเพื่อใช้ในครอบครัว ง. โรงงานมักตั้งอยู่ใกล้ชุมชน
66. ข้อใดคือความหมายของราคา
ก. มูลค่าของผลิตภัณฑ์ในสายตาผู้บริโภค
ข. คุณค่าของผลิตภัณฑ์ในสายตาผู้บริโภค
ค. มูลค่าของสินค้าและบริการในรูปตัวเงิน
ง. มูลค่าของสินค้าและบริการที่ธุรกิจคำนวณโดยไม่แจ้งลูกค้า
67. ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ในการตั้งราคา
ก. เพื่อการแข่งขัน ข. เพื่อมุ่งกำไร
ค. เพื่อเพิ่มส่วนครองตลาด ง. เพื่อกำหนดคุณค่าของผลิตภัณฑ์
68. ในสายตาของลูกค้า ข้อใดคือราคาที่เหมาะสม
ก. ราคาต้องกำหนดตามคู่แข่งขัน
ข. ราคาต้องกำหนดตามต้นทุน
ค. ราคาต้องกำหนดขึ้นโดยความต้องการซื้อ
ง. ราคาต้องสอดคล้องกับคุณค่าของผลิตภัณฑ์
69. การตั้งราคาโดยถือเกณฑ์ต้นทุนต้องอาศัยสิ่งใดเข้ามาช่วยในการวิเคราะห์
ก. เงินลงทุน ข. ความคิดของผู้บริหาร
ค. รายได้ของกิจการ ง. กำไรของกิจการ
70. การตั้งราคาโดยถือเกณฑ์อุปสงค์ มีความหมายตรงกับข้อใด
ก. การตั้งราคาโดยคำนวณจากต้นทุน
ข. การตั้งราคาโดยมุ่งที่การแข่งขัน
ค. การตั้งราคาโดยดูจากความต้องการของผู้บริโภค
ง. ไม่มีข้อใดถูก
71. Mark up มีความสัมพันธ์กับการตั้งราคาข้อใด
ก. การตั้งราคาโดยถือเกณฑ์อุปสงค์ ข. การตั้งราคาโดยมุ่งเน้นการแข่งขัน
ค. การตั้งราคาโดยถือเกณฑ์ต้นทุน ง. ทุกข้อต้องเกี่ยวข้องกับ Mark up
72. การตั้งราคาสินค้าให้สูงเพื่อแสดงถึงคุณค่าของสินค้าและความมีคุณภาพดีของสินค้าเป็น วัตถุประสงค์ในการกำหนดราคาข้อใด
ก. การสร้างภาพลักษณ์ ข. เพื่อมุ่งด้านสังคม
ค. เพื่อสร้างยอดขาย ง. เพื่อรักษาส่วนครองตลาด
73. กิจการที่เริ่มต้นทำธุรกิจกำหนดราคาสินค้าต่ำเพื่อไม่ให้คู่แข่งขันมาแข่งขันด้วย เป็น วัตถุประสงค์การกำหนดเพื่อการแข่งขันข้อใด
ก. เพื่อเผชิญการแข่งขัน ข. เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขัน
ค. เพื่อตัดราคาของคู่แข่งขัน ง. ทุกข้อรวมกัน
74. ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับคำว่า “ช่องทางอ้อม”
ก. พ่อค้าส่ง ข. พ่อค้าปลีก
ค. คนกลาง ง. ผู้ผลิตสู่ผู้บริโภค
75. ข้อใดเป็นคนกลางที่มีกรรมสิทธิ์ในสินค้า
ก. นายหน้า ข. พ่อค้าส่ง
ค. ตัวแทนขาย ง. ตัวแทนผู้ผลิต
76. ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับหน้าที่ของสถาบันคนกลางในช่องทางการจัดจำหน่าย
ก. คนกลางช่วยผู้ผลิตขายสินค้า
ข. คนกลางช่วยลดรายการติดต่อ
ค. คนกลางเป็นภาระของผู้ค้าปลีก
ง. คนกลางช่วยให้เกิดการประหยัดจากขนาดของการผลิต
77. การกำหนดสินค้าคงเหลือเพื่อที่จะทำการสั่งซื้อ หมายถึงข้อใด
ก. จุดสั่งซื้อ ข. จุดเสียโอกาส
ค. ปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด ง. ปริมาณการสั่งซื้อที่มีคุณภาพ
78. ข้อใดเป็นค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาสินค้า
ก. ค่าเอกสาร ข. ค่าโทรศัพท์
ค. ค่าประกันภัย ง. ไม่มีข้อใดถูก
79. กิจกรรมที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับคำสั่งของลูกค้าแล้วต้องจัดเตรียมใบกำกับสินค้าส่งไปยังแผนกที่เกี่ยวข้องให้จัดเตรียมสินค้าเพื่อส่งสินค้าต่อไป หมายถึงข้อใด
ก. การขนส่ง ข. การคลังสินค้า
ค. การจัดการวัสดุ ง. กระบวนการสั่งซื้อ
80. กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการรับ การเก็บ และการจัดเตรียมสินค้าตามคำสั่งซื้อ หมายถึงข้อใด
ก. การขนส่ง ข. การคลังสินค้า
ค. การจัดการวัสดุ ง. กระบวนการสั่งซื้อ
81. การเคลื่อนย้ายสินค้าจากแหล่งผลิตไปยังแหล่งของลูกค้า หมายถึงข้อใด
ก. การขนส่ง ข. การจัดการวัสดุ
ค. การคลังสินค้า ง. กระบวนการสั่งซื้อ
82. สินค้าที่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก ขนส่งระยะไกล ควรเลือกการขนส่งวิธีใด
ก. ทางน้ำ ข. ทางอากาศ
ค. ทางรถไฟ ง. ทางรถบรรทุก
83. การขนส่งทางใดสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากที่สุด
ก. ทางน้ำ ข. ทางรถไฟ
ค. ทางอากาศ ง. ทางรถบรรทุก
84. Piggy Back เป็นการขนส่งในข้อใด
ก. ทางน้ำร่วมกับทางรถไฟ ข. ทางน้ำร่วมกับทางอากาศ
ค. ทางรถบรรทุกร่วมกับทางน้ำ ง. ทางรถบรรทุกร่วมกับทางรถไฟ
85. การขนส่งทางใด อุปกรณ์การขนส่งไม่ได้เคลื่อนย้ายไปพร้อมสินค้า
ก. ทางท่อ ข. ทางอากาศ
ค. ทางรถบรรทุก ง. ทางรถไฟ
86. ผู้ค้าส่งซื้อสินค้าจากผู้ผลิตไว้จำนวนมาก จากนั้นผู้ค้าปลีกจะมาซื้อสินค้าทีละน้อย เป็นหน้าที่ของผู้ค้าส่งข้อใด
ก. การเงิน ข. ทยอยขาย
ค. การเก็บรักษาสินค้า ง. การรับภาระการเสี่ยงภัย
87. ข้อใดเป็นการขายตรง
ก. ร้านสะดวกซื้อ ข. ผู้ค้าปลีกอิสระ
ค. ร้านขายของลดราคา ง. การขายแบบจัดงานปาร์ตี้
88. ข้อใดเป็นการขายตรง
ก. ร้านสะดวกซื้อ ข. ผู้ค้าปลีกอิสระ
ค. ร้านขายของลดราคา ง. การขายแบบจัดงานปาร์ตี้
89. การขายข้อใดสามารถให้บริการได้ 24 ชั่วโมง และประหยัดแรงงาน
ก. การจัดงานปาร์ตี้ ข. การขายปลีกอิสระ
ค. การขายโดยใช้แค็ตตาล็อก ง. การขายโดยใช้เครื่องจักรอัตโนมัติ
90. วัฏจักรวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ของสินค้า ประกอบด้วยช่วงใดบ้าง
ก. แนะนำ แข่งขัน ปรับปรุง อิ่มตัว ข. แนะนำ แข่งขัน เติบโต อิ่มตัว
ค. แนะนำ เติบโต อิ่มตัว ถดถอย ง. แนะนำ เติบโต ถดถอย ปรับปรุง
91. ข้อใดไม่ใช่ความหมายของการโฆษณา
ก. เป็นการจูงใจ ข. เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ
ค. เป็นกิจกรรมสื่อสารมวลชน ง. ซื้อเนื้อที่และเวลาในสื่อมวลชน
92. สื่อโฆษณาในข้อใดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างที่สุด
ก. นิตยสาร ข. วิทยุโทรทัศน์
ค. โรงภาพยนตร์ ง. วิทยุกระจายเสียง
93. สื่อโฆษณาในข้อใดไม่ควรเขียนบรรยายสรรพคุณรายละเอียดของสินค้าลงในสื่อ
ก. นิตยสาร ข. ไปรษณีย์
ค. หนังสือพิมพ์ ค. ข้างรถประจำทาง
94. สื่อประเภทสิ่งพิมพ์ สื่อใดที่มีอายุสั้นและล้าสมัยเร็ว
ก. คู่มือ ข. วารสาร
ค. หนังสือพิมพ์ ง. ป้ายโปสเตอร์
95. ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก. การโฆษณาให้ผลช้ากว่าการประชาสัมพันธ์
ข. การโฆษณากับการประชาสัมพันธ์มีลักษณะเหมือนกัน
ค. การประชาสัมพันธ์ช่วยสร้างภาพพจน์ที่ดีให้กับกิจการ
ง. การประชาสัมพันธ์เป็นงานที่สิ้นเปลืองงบประมาณและเปล่าประโยชน์
96. ถ้าท่านเป็นนักประชาสัมพันธ์ของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งกำลังถูกโจมตีในเรื่องความสะอาดของ ผลิตภัณฑ์ ท่านจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไร
ก. จัดให้มีการพบปะและการประชาสัมพันธ์
ข. เปิดให้เยี่ยมชมกิจการเพื่อให้เห็นขั้นตอนของการผลิต
ค. จัดให้มีการแสดงนิทรรศการ เพื่อประชาสัมพันธ์องค์กร
ง. จัดสัปดาห์พิเศษเพื่อเผยแพร่ความรู้และข่าวสารด้านต่างๆ
97. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของการส่งเสริมการขาย
ก. ไม่หวังผลทางการค้า ข. การจัดทำขึ้นในระยะสั้น
ค. ช่วยสนับสนุนการขาย ง. เป็นกิจกรรมที่มีข้อเสนอพิเศษ
98. ข้อใดเป็นการส่งเสริมการขายเพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำ
ก. ซื้อสบู่ 1 ก้อน แลกคูปอง 1 ใบ
ข. ซื้อเครื่องปรับอากาศวันนี้ ลด 20%
ค. ซองเปล่ามีค่านับล้าน รับส่งชิงโชคด่วน
ง. กาแฟผงชนิดซอง 200 กรัม เพิ่มปริมาณอีก 50 กรัม
99. สินค้าประเภทใดที่เหมาะกับการส่งเสริมการขายโดยใช้หีบห่อส่วนเพิ่มมากที่สุด
ก. น้ำปลา ข. น้ำมันพืช
ค. กาแฟผง ง. นมข้นหวาน
100. การส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่ผู้บริโภคเพื่อการกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อสินค้า จัดได้ว่าเป็นกลยุทธ์ตามข้อใด
ก. กลยุทธ์ดึง ข. กลยุทธ์ดัน
ค. กลยุทธ์ผลัก ง. กลยุทธ์ผสม

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

พุทธศาสนาและหนทางพ้นทุกข์

บุญของการรักษาศีล
บุญของการรักษาศีลในชาตินี้ คือ ทำให้ผู้รักษาศีลมีความโชคดี ทำอะไรก็จะประสบความสำเร็จได้เร็ว หน้าที่การงานจะได้เลื่อนขั้นเร็ว เป็นที่รักใคร่เมตตาแก่ผู้พบเห็น มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง โรคน้อย หากผู้มีศีลนั้นได้ทำทานอย่างสม่ำเสมอก็จะได้รับผลบุญของทานเร็วกว่าปรกติ เช่น ปรกติเมื่อเราได้ทำทานแล้ว ผลของทานบางส่วนก็จะกลับมาในชาตินี้ โดยใช้เวลาประมาณสิบกว่าปี แต่ถ้ารักษาศีลด้วยแล้วจะทำให้ผลของทานกลับมาหาเราเร็วขึ้น คือ อาจแค่เพียง 5-6 ปี ก็เป็นได้ นอกจากนี้ เมื่อเกิดชาติหน้าก็มีโอกาสเกิดเป็นมนุษย์ได้อีก และมีรูปร่างผิวพรรณดีเหมือนอย่างดาราที่มีรูปเป็นทรัพย์นั่นเอง

เอกุโปสถิกาเถรีอปทานที่ ๑
ผลของการรักษาอุโบสถศีล

ในพระนครพันธุมดี มีพระบรมกษัตริย์ทรงพระนามว่า พันธุมา ในวันเพ็ญท้าวเธอทรงรักษาอุโบสถศีล สมัยนั้น ดิฉันเป็นนางกุมภทาสี ในพระนครพันธุมดีนั้น เห็นเสนาพร้อมด้วยพระมหากษัตริย์ จึงคิดอย่างนี้ในครั้งนั้นว่า แม้พระมหากษัตริย์ก็ยังทรงละราชกิจมารักษาอุโบสถศีล กรรมนั้นต้องมีผลแน่นอน หมู่มหาชนจึงพากันเบิกบานใจ ดิฉันพิจารณาเห็นทุคติและความเป็นคนอยากไร้โดยแยบคาย ทำให้จิตใจร่าเริงแล้ว รักษาอุโบสถศีล
ดิฉันรักษาอุโบสถศีล ในพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะกรรมที่ทำไว้ดีแล้วนั้น ดิฉันได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ วิมานที่บุญกรรมสร้างให้ดิฉันอย่างสวยงามในดาวดึงส์นั้น สูงโยชน์หนึ่ง ประกอบด้วยเรือนยอดมีที่นั่งใหญ่โต ประดับแล้วอย่างดี นางอัปสรแสนนางต่างบำรุงบำเรอดิฉันอยู่ทุกเมื่อ ดิฉันงามเกินนางเทพอัปสรอื่นๆ ในกาลทั้งปวง
ดิฉันได้เป็นพระอัครมเหสีของท้าวสักรินทเทวราช ๖๔ พระองค์ ได้เป็นพระอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ ๖๓ พระองค์ ดิฉันเป็นผู้มีผิวพรรณปานดังทองคำ ท่องเที่ยวอยู่ในภพทั้งหลาย ดิฉันเป็นผู้ประเสริฐในที่ทุกสถาน นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล
ดิฉันย่อมได้ยานช้าง ยานม้า และยานรถ แม้ทุกอย่างมากมาย นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล ภาชนะสำเร็จด้วยทอง เงิน แก้วผลึก และแก้วปทุมราช ดิฉันได้ทุกอย่าง ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ผ้าเปลือกไม้ ผ้าฝ้าย และผ้าที่มีราคาสูงๆ ดิฉันก็ได้ทุกสิ่ง ข้าว น้ำ ของเคี้ยว ผ้า เสนาสนะ ดิฉันได้ทุกอย่าง นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล
เครื่องหอมชนิดดี ดอกไม้ จุรณสำหรับลูบไล้ ดิฉันก็ได้ทุกประการ นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล เรือนยอดปราสาท มณฑป เรือนโล้น และถ้ำ ดิฉันก็ได้ถ้วนทุกสิ่ง นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล
พอดิฉันอายุได้ ๗ ขวบ ก็ได้ออกบวชเป็นบรรพชิต ได้บรรลุอรหัตเมื่อยังไม่ทันจะถึงครึ่งเดือน ดิฉันมีอาสวะสิ้นไปหมดแล้ว บัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีก
ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ ดิฉันได้ทำกรรมใดในกาลนั้น ด้วยกรรมนั้นดิฉันไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล
ดิฉันเผากิเลสทั้งหลายแล้ว...คำสอนของพระพุทธเจ้า ดิฉันได้ทำเสร็จแล้ว.
ทราบว่า...ท่านพระเอกุโปสถิกาภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.


คำสมาทานศีลอุโบสถ
ศีลอุโบสถต้องกล่าวอธิษฐานรับมา
ขั้นตอนที่ ๑ กราบพระพุทธ กราบพระธรรม กราบพระสงฆ์
(เบญจางคประดิษฐ์)
ขั้นตอนที่ ๒ บูชาพระรัตนตรัย
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา : .
อิเมหิ สักกาเรหิ ตัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ : ( กราบ )
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม : ( กราบ )
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ : ( กราบ )
ขั้นตอนที่ ๓ อาราธนาศีลอุโบสถ
มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ อัฏฐังคะสะมันนาคะตัง อุโปสะถัง ยาจามะ
มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ อัฏฐังคะสะมันนาคะตัง อุโปสะถัง ยาจามะ
มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ อัฏฐังคะสะมันนาคะตัง อุโปสะถัง ยาจามะ
( กรณีว่าคนเดียวให้เปลี่ยน มะยัง เป็น อะหัง, เปลี่ยน ยาจามะ เป็น ยาจามิ )
ขั้นตอนที่ ๔ นมัสการพระพุทธเจ้า ( นั่งพับเพียบ )
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

ขั้นตอนที่ ๕ ไตรสรณคมน์
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ขั้นตอนที่ ๖ สมาทานศีลอุโบสถ
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อะพรหมะจะริยา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
วิกาละโภชะนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
นัจจะคี ตะวาทิ ตะวิสุกะทัสสะนา มาลาคันธะวิเลปะนะ ทาระณะ-
มัณฑะนะ วิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ขั้นตอนที่ ๗ อธิษฐานรักษาศีลอุโบสถ
อิมัง อัฏฐังคะสะมันนาคะตัง พุทธะปัญญัตตัง อุโปสะถัง อิมัญจะ
รัตติง อิมัญจะ ทิวะสัง สัมมะเทวะ อะภิรักขิตุง สะมาทิยามิ
( ข้าพเจ้าสมาทานอุโบสถ ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ อันประกอบด้วย
องค์ ๘ ประการ ดังได้สมาทานมาแล้วนี้ จะรักษาไว้ให้ดี ไม่ให้ขาด ไม่ให้
ทำลาย ตลอดวันหนึ่ง คืนหนึ่ง ณ เวลาวันนี้ )
ขั้นตอนที่ ๘ สรุปศีลอุโบสถ
อิมานิ อัฏฐะ สิกขาปะทานิ อัชเชกัง รัตตินทิวัง อุโปสะถะวะเสนะ
สาธุกัง รักขิตัพพานิ
รับ อามะภันเต รับ สาธุ
ขั้นตอนที่ ๙ กราบลาพระ
กราบพระพุทธ กราบพระธรรม กราบพระสงฆ์

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
www.palungjit.com
อานิสงส์ของการรักษาศีลอุโบสถเพียงครั้งเดียว
อานิสงส์ของศีล(ครูบาศีวิชัย)
กรรมวิบากและอานิสงส์ของศีล5

ขอความสุขความเจริญจงมีแก่ท่านทั้งหลายซึ่งกาลนานเทอญ
สาธุ
พุทธศาสนาและหนทางพ้นทุกข์

อานิสงส์การทอดกฐินและการทอดผ้าป่า โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำผู้ถามการทอดผ้าป่า กับการทอดกฐิน อย่างไหนได้อานิสงส์มากกน้อยกว่ากันคะ.........?หลวงพ่อความจริงผ้าป่า กับกฐิน เป็น สังฆทาน ด้วยกันทั้งคู่นะ แต่ทว่าอานิสงส์โดยเฉพาะกฐิน ได้มากกว่าเพราะกฐินมีเวลาจำกัด จะทอดตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒ แต่อานิสงส์ได้ทั้งสองฝ่าย คือผู้ทอดก็ได้ พระผู้รับก็ได้ พระผู้รับมีอำนาจคุ้มครองพระวินัยได้หลายสิกขาบท ทำให้สบายขึ้นการทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านเคยเทศน์คือ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าปทุมมุตตระ ท่านเคยเทศน์วาระหนึ่งสมัยที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นมหาทุกขตะคำว่ามหาทุกขตะนี้จนมาก เป็นทาสของท่านคหบดี ท่านเอาเสื้อผ้าเก่า ๆ ของตนนำไปแลกกับด้ายหนึ่งกลุ่ม เข็มหนึ่งเล่ม เอามาร่วมในการทอดกฐินกับเจ้านาย เพื่อปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่า การทอดกฐินครั้งหนึ่ง จะปรารถนาพุทธภูมิ ก็ได้ จะปรารถนาเป็นอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นพระอรหันต์ก็ได้ แต่ถ้าหากว่ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใดอานิสงส์จะให้ผลท่านผู้นั้นเมื่อตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นเทวดา แล้วลงมาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ๕๐๐ ชาติเมื่อบุญน้อยลงมาจะเป็นพระมหากษัตริย์ ๕๐๐ ชาติ เป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ เป็นอนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ เป็น คหบดี ๕๐๐ ชาติ แต่คนที่ทอดผ้ากฐิน หรือว่าร่วมในการทอดผ้ากฐินครั้งหนึ่งก็ดี บุญบารมีส่วนนี้ยังไม่ทันจะหมดก็ปรากฏว่าท่านเจ้าของทานไปนิพพานก่อนผ้าป่า ก็เป็นสังฆทาน แต่อานิสงส์จะน้อยไปนิดหนึ่งแต่ทั้งสองอย่างก็เป็นสังฆทานเหมือนกัน แต่เป็นสังฆทานเฉพาะกิจ กับสังฆทานไม่เฉพาะกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าป่า ผู้ให้ก็ได้อานิสงส์ ผู้รับมีอานิสงส์แต่เพียงแค่ใช้ เป็นอันว่าทั้งสองอย่างนี้ถือว่าอานิสงส์การทอดกฐินมากกว่าผ้าป่า แต่ว่าการทอดกฐินปีหนึ่งครั้งเดียว ผ้าป่าทอดได้หลายครั้ง อานิสงส์ผ้าป่าย่อมได้มากกว่านะผู้ถามองค์กฐิน ที่แท้จริง เป็นอย่างไรคะ........?หลวงพ่อองค์กฐิน จริง ๆ คือผ้าไตร นอกนั้นเป็นบริวาร เวลา กรานกฐินจริง ๆ เรากรานได้แต่ผ้าการถวายก็ไม่ยาก เรามีผ้าจีวรผืนหนึ่งหรือว่าสบงผืนหนึ่ง หรือว่าสังฆาฏิผืนหนึ่ง อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ จะถวายทั้งไตรก็ได้ ถวายมากก็ได้ ถวายน้อยก็ได้ อานิสงส์เหมือนกัน โดยเฉพาะที่วัดนี่ (วัดท่าซุง) จัดเป็นกฐินสามัคคี เป็นเจ้าภาพร่วมกันทุกคนได้อานิสงส์เท่ากันหมด

ร่วมทำบุญทอดกฐิน
ขอเชิญทุกท่านร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี ณ วัดสองพี่น้อง 18/08/2009
เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพกฐิน วัดท่าซุง ปี 2552 (วัดหลวงพ่อ ฤาษีลิงดำ)

แบ่งบุญ
ด้วยอานุภาพคุณพระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์
ด้วยบุญบารมีที่ข้าพเจ้าสร้าง และด้วยอฐิษฐานบารมี
บุญอันใดที่ข้าพเจ้าได้เคยทำมาแล้วนี้ ตั้งแต่ชาติใดก็ตาม
ขอแบ่งให้กับทุกท่านที่ได้อ่านเมล์นี้ด้วยเทอญ
สาธุ
เทคนิคการสอนคอมพิวเตอร์วิชาคอมพิวเตอร์จัดได้ว่าเป็นวิชาการที่ค่อนข้างใหม่ เมื่อเปรียบเทียบกับวิชาอื่น ๆ ที่ปรากฎในหลักสูตรการเรียนการสอนในแทบทุกระดับชั้น ดังนั้นวิชาคอมพิวเตอร์จึงเป็นวิชาที่ยังขาดกระบวนวิธีในการสอนเป็นการเฉพาะ ในขณะที่วิชาอื่น ๆ จะมีวิธีสอนเฉพาะของตนเอง เช่น วิธีการสอนวิชาคณิตศาสตร์ วิธีการสอนวิชาภาษาไทย หรือวิธีการสอนวิชาสังคมศึกษา เป็นต้น ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีผู้พัฒนาทรัยากรช่วยสอนวิชาคอมพิวเตอร์ออกมามากมาย อาทิเช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เป็นต้น แต่ถึงกระนั้น กระบวนการสอนที่เป็นวิธีการ (Activity) ก็ยังไม่ค่อยมีใครพัฒนาขึ้นมา จากการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการสอนคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะพบว่ามีเว็บเพจที่พูดถึงวิธีสอนวิชาคอมพิวเตอร์น้อยมาก ผู้เขียนจึงเห็นว่าพวกเรา(ครูสอนคอมพิวเตอร์) ทั้งหลายน่าจะมาช่วยกันนำเสนอแนวคิดและเทคนิควิธีสอนจากประสบการณ์ของตนเอง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน อันจะนำมาซึ่งพัฒนาการในการสอนวิชาคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยต่อไป
การสอนวิชาคอมพิวเตอร์นั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 หมวดใหญ่ ๆ ด้วยกันคือ

1. การสอนวิชาเชิงทฤษฎีคอมพิวเตอร์ เช่น วิชาพื้นฐานคอมพิวเตอร์ วิชาระบบฐานข้อมูล หรือ วิชาการวิเคราะห์และออกแบบระบบ
 2. การสอนวิชาการเขียนโปรแกรม เช่น การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาต่าง ๆ หรือการสร้างโปรแกรมด้วยเครื่องมือกึ่งสำเร็จรูป ( Middle Ware) ทั้งหลาย เช่น โปรแกรม Visual Basic , Delphi หรือAuthorware เป็นต้น 3. การสอนวิชาการใช้โปรแกรมสำเร็จรูป เช่น วิชาการใช้โปรแกรมประมวลผลคำ หรือวิชาการใช้โปรแกรมวาดและตบแต่งรูปภาพ เป็นต้น ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงเทคนิควิธีสอนวิชาการใช้โปรแกรมประมวลผลคำ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มที่
3 โดยจะเน้นเฉพาะเทคนิคการนำเข้าสู่บทเรียน
จากการที่ผู้เขียนได้พิจารณาการสอนของตนเอง และเพื่อนครูด้วยกัน มักพบว่า ครูจะมีวิธีนำเข้าสู่บทเรียน (การเริ่มต้นฝึกใช้โปรแกรม) อยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน คือ

1. เริ่มสอนโดยการแนะนำให้นักเรียนรู้จักหน้าตาและเมนู รวมทั้งแนะนำเครื่องมือ (Toolbar) ต่าง ๆ บนโปรแกรมที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอให้ครบถ้วนก่อนแล้วจึงเริ่มต้นสอนขั้นต่อไป ซึ่งผู้เขียนขอเรียกวิธีสอนแบบนี้ว่า เทคนิคการนำเข้าสู่บทเรียนแบบแนะนำ (Introduction method)
ส่วนวิธีที่ 2 คือ ครูเริ่มสอนโดยการให้ผู้เรียนลองพิมพ์ข้อความสั้น ๆ ซัก 1 ประโยค ซึ่งส่วนใหญ่ผู้เรียนมักชอบพิมพ์ชื่อของตนเองก่อน แล้วจึงสอนให้ผู้เรียนลองใช้คำสั่งในเมนูและเครื่องมือในแถบเครื่องมือมาบูรณาการ ปรับแต่งข้อความที่ตนเองพิมพ์ลงไปให้สวยงามถูกใจ ผู้เขียนเรียกวิธีสอนแบบนี้ว่า เทคนิคการนำเข้าสู่บทเรียนแบบสร้างผลผลิต (Production Method)
จากประสบการณ์การสอนของผู้เขียน พบว่าวิธีที่ 2 (Production Method) จะเป็นวิธีที่กระตุ้นและเร่งเร้าความสนใจของผู้เรียนได้ดีกว่าวิธีที่ 1 (Introduction Method) ทั้งนี้เนื่องจากวิธีการสอนแบบสร้างผลผลิตนั้น นักเรียนจะได้เรียนรู้และฝึกฝนในสิ่งที่มีความหมาย (Meaningfull Learning) ซึ่งหมายถึงการพิมพ์ข้อความที่อ่านออกมีความหมาย และสามารถใช้คำสั่งตบแต่งปรับปรุงข้อความนั้นได้ตามที่ต้องการเมื่อเริ่มหัดใช้โปรแกรม ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยทางการศึกษาหลาย ๆ เรื่องที่กล่าวถึงวิธีสอนที่มีความหมาย จะได้ผลสัมฤทธิ์สูงกว่าวิธีสอนที่ไม่มีความหมาย และด้วยการถูกกระตุ้นอย่างมีความหมายเช่นนี้ จึงทำให้นักเรียนเกิดความสนใจที่จะเรียนรู้ต่อไปอีก ซึ่งทำให้ชั้นเรียนวิชาการใช้โปรแกรมประมวลผลคำมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ ส่วนวิธีนำเข้าสู่บทเรียนแบบแนะนำนั้น ผู้เขียนพบว่ามักจะทำให้นักเรียนเบื่อหน่าย เนื่องจากต้องนั่งดูและฟังเฉย ๆ จนกว่าครูจะแนะนำส่วนต่าง ๆ ของโปรแกรมได้หมด นอกจากจะเป็นการเสียเวลาเปล่าแล้ว ยังทำให้ชั้นเรียนเกิดสภาวะเฉื่อยชา และบั่นทอนความสนใจของนักเรียนลงไปในที่สุด
เทคนิควิธีการสอนที่นำเสนอในบทความนี้ ผู้เขียนหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์แก่ครูคอมพิวเตอร์ได้บ้าง ไม่มากก็น้อย แต่เหนือสิ่งอื่นได้ ผู้เขียนคาดหวังไว้ว่า อยากเห็นครูคอมพิวเตอร์ทั้งหลาย ออกมามีส่วนร่วมใน การพัฒนางานคอมพิวเตอร์ศึกษาของไทย ให้เจริญรุดหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ประเทศไทยสามารถไต่ระดับขึ้นมาเป็นแถวหน้าของวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลกต่อไป…

วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

แนวข้อสอบ วิชา การผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์

1. คำสั่งใดใช้คัดลอกรูปภาพหรือข้อความ
ก. Edit -> Copy
ข. Edit-> Paste
ค. Ctrl + C
ง. ถูกทั้ง ก และ ค
2. คำสั่งใดใช้วางรูปภาพหรือข้อความที่คัดลอก
ก. Edit -> Copy
ข. Edit-> Paste
ค. Ctrl + C
ง. ถูกทั้ง ก และ ค
3. คำสั่งใดใช้วางรูปภาพแบบหลาย ๆ รูป
ก. Edit -> Copy Multiple
ข. Edit-> Paste Multiple
ค. Element -> Paste Multiple
ง. ถูกทั้ง ข และ ค
4. เครื่องมือใดใช้ตัดภาพส่วนที่ไม่ต้องการออก
ก. Cut tool
ข. Cropping tool
ค. Rotate tool
ง. Freetarnform
5.เครื่องมือใดใช้หมุนภาพ
ก. Cut tool
ข. Cropping tool
ค. Rotate tool
ง. Freetarnform
6. คำสั่งใดใช้ตกแต่งรูปภาพให้เหมือนกับโปรแกรม
Adobe Photoshop
ก. Element -> Image -> Photoshop Effect…
ข. Type -> Image -> Photoshop Effect…
ค. Utilities -> Image -> Photoshop
ง. Layout -> Image -> Photoshop Effect…
7.ข้อใดคือหน้าที่ของคำสั่ง Mask
ก. เป็นคำสั่งซ่อนภาพ
ข. เป็นคำสั่งแสดงภาพ
ค. เป็นคำสั่งแสดงภาพเฉพาะตำแหน่งที่ระบุ
ง. เป็นคำสั่งซ่อนภาพเฉพาะตำแหน่งที่ระบุ
8. ข้อใดคือหน้าที่ของคำสั่ง Align Object
ก. ใช้จัดลำดับของวัตถุ
ข.ใช้จัดตำแหน่งของวัตถุ
ค.ใช้แสดงวัตถุ
ง. ใช้ซ่อนวัตถุ
9. ข้อใดคือหน้าที่ของคำสั่ง Arrange
ก. ใช้จัดลำดับของวัตถุ
ข.ใช้จัดตำแหน่งของวัตถุ
ค.ใช้แสดงวัตถุ
ง. ใช้ซ่อนวัตถุ
10. คำสั่งจัดลำดับของบวัตถุหรือรูปภาพมีตัวเลือกกี่ตัว
ก. 2 ตัวเลือก
ข. 3 ตัวเลือก
ค. 4 ตัวเลือก
ง. 5 ตัวเลือก
11.เครื่องมือที่ใช้สร้างวัตถุมีกี่แบบ
ก. 3 แบบ
ข. 4 แบบ
ค. 5 แบบ
ง. 6 แบบ
12. เครื่องที่ใช้สร้างขอบเขตการแสดงรูปภาพมีกี่แบบ
ก. 3 แบบ
ข. 4 แบบ
ค. 5 แบบ
ง. 6 แบบ
13.เมนูใดใช้ปรับแต่งลักษณะของวัตถุแต่ละแบบ
ก. Edit
ข. Element
ค. Utilities
ง. Type
14. การปรับลักษณะมุมของรูปสี่เหลี่ยมมีกี่รูปแบบ
ก. 3 แบบ
ข. 4 แบบ
ค. 5 แบบ
ง. 6 แบบ
15. เครื่องมือใดที่ใช้สร้างรูปหลายเหลี่ยม
ก. Ellipse Tool
ข. Rectangle Tool
ค. Polygon Tool
ง. Line Tool
16.เครื่องมือใดที่ใช้สร้างรูปวงกลม
ก. Ellipse Tool
ข. Rectangle Tool
ค. Polygon Tool
ง. Line Tool
17.เครื่องมือใดที่ใช้สร้างรูปสี่เหลี่ยม
ก. Ellipse Tool
ข. Rectangle Tool
ค. Polygon Tool
ง. Line Tool
18. ข้อใดคือหน้าที่ของคำสั่ง Star inset
ก. ใช้กำหนดความนูนของมุม
ข. ใช้กำหนดความโค้งของมุม
ค. ใช้กำหนดความเว้าของมุม
ง. ใช้กำหนดจำนวนมุมหรือเหลี่ยมที่ต้องการ
19. คำสั่งใดใช้กำหนดรูปแบบของเส้น
ก. ดับเบิลคลิกที่ Line Tool
ข. คลิกที่เมนู Element -> Stroke
ค. คลิกที่เมนู Element -> Fill
ง. ถูกทั้ง ก และ ข
20. คำสั่งใดใช้กำหนดรูปแบบของมุมรูปสี่เหลี่ยม
ก. ดับเบิลคลิกที่ Rectangle Tool
ข. คลิกที่เมนู Ellipse Tool
ค. คลิกที่เมนู Element -> Rounded Corners…
ง. ถูกทั้ง ก และ ค
21. ข้อใดคือขั้นตอนการสร้างห้องชุดสี
ก. Utilities -> Plug – ins -> Create Color Library
ข. Window -> Plug – ins -> Create Color Library
ค. Layout -> Plug – ins -> Create Color Library
ง. Layout -> Plug – ins -> Create Color
22.ข้อใดคือขั้นตอนการแสดงหน้าต่าง Library สำหรับสร้างห้องสมุดภาพ
ก. Utilities -> Plug – ins -> Create Color Library
ข. Window -> Plug – ins -> Create Color Library
ค. Layout -> Plug – ins -> Create Color Library
ง. Layout -> Plug – ins -> Create Color
23. ข้อใดคือคำสั่งแสดง Template Palette
ก. Utilities -> Plug – ins Palettes -> Show Template Palette
ข. Utilitise -> Plug – ins -> Show Template Palette
ค. Layout -> Plug – ins Palettes -> Show Template Palette
ง. Window -> Plug – ins Palettes -> Show Template Palette
24. ข้อใดคือคำสั่งการจัดหน้าสิ่งพิมพ์
ก. Window -> Plug – in Palettes -> Build Booklet..
ข. Layout -> Plug – ins -> Build Booklet..
ค. Utilities -> Plug – ins -> Build Booklet..
ง. Window -> Plug – ins -> Build Booklet..
25. ข้อใดคือคำสั่งการแก้ไขรูปอัตโนมัติตามภาพต้นฉบับ
ก. Utilities -> Plug – ins -> Global Link Options
ข. Window -> Plug – ins -> Global Link Options
ค. Window -> Plug – ins Palettes -> Global Link Options
ง. Layout -> Plug – ins Palettes -> Global Link Options
26. Category มีกี่รูปแบบ
ก. 5 รูปแบบ
ข. 10 รูปแบบ
ค. 15 รูปแบบ
ง. 20 รูปแบบ
27. ข้อใดคือคำสั่งสำหรับกำหนดหน้าสิ่งพิมพ์แบบมุงหลังคา
ก. 2-Up saddle stitch
ข. 2-Up prefect bound
ค. 2-Up consecutive
ง. 2-Up house
28. ข้อใดคือคำสั่งสำหรับกำหนดหน้าสิ่งพิมพ์แบบหน้ายก
ก. 2-Up saddle stitch
ข. 2-Up prefect bound
ค. 2-Up consecutive
ง. 2-Up house
29. ข้อใดคือคำสั่งสำหรับกำหนดหน้าสิ่งพิมพ์แบบจัดเรียงทีละ 2 หน้า
ก. 2-Up saddle stitch
ข. 2-Up prefect bound
ค. 2-Up consecutive
ง. 2-Up house
30. ข้อใดคือคำสั่งกำหนดให้แจ้งก่อนมีการปรับปรุงภาพ
ก. Change link options for graphics
ข. Store copy in pub
ค. Update automatically
ง. Alert before updating

มีข้อสงสัย โทร:081-739-9009 หรือ 081-234-8881

วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2552

การ Format NTFS กับ FAT32 ต่างกันอย่างไร

การ Format NTFS กับ FAT32 ต่างกันอย่างไร เรื่องที่ผมจะพูดถึงต่อไปนี้ก็คือเรื่องของไฟล์ซิสเต็ม (File System) สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์นั่นเอง ซึ่งจะว่าไปมันก็ไม่ได้ใหม่อะไรหรอกครับ เพราะว่ามันมีมาตั้งแต่สมัย MS-DOS กันแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนั้นไม่ค่อยได้มีใครพูดถึงกัน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่ามันยังไม่ได้มีระบบอื่นหลากหลายเหมือนอย่างในปัจจุบันนั่นเอง... ระบบปฏิบัติการที่ต่างกัน มันก็จะมีไฟล์ซิสเต็มที่ต่างกันไปด้วย อย่างเช่น MS-DOS และ Windows 95 นั้นจะมีไฟล์ซิสเต็มเป็น FAT16 ส่วน Windows 98 นั้นจะเป็น FAT32 (FAT ย่อมาจาก File Allocation Table) แต่หากเป็น Windows NT ก็จะเป็น NTFS (NTFS ย่อมาจาก NT File System)... ถ้าหากมันแยกกันอยู่แบบนี้ก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่จะต้องงงอะไรกันมากมายครับ ต่างคนต่างใช้กันไป แต่ปัญหามันเกิดขึ้นเมื่อตอน Windows 2000 ได้คลอดออกมาดูโลกภายนอกนี่สิครับ เพราะว่าเจ้าระบบปฏิบัติการรุ่นนี้มันดันใช้งานได้ทั้งไฟล์ซิสเต็มแบบ FAT32 และ NTFS (Windows XP ล่าสุดนี่ก็เช่นกัน) พอมือใหม่ที่อยากลองของใหม่อย่าง Windows 2000 หรือ Windows XP ทำการติดตั้งแล้วเจอคำถามว่าจะ Format โดยใช้ไฟล์ซิสเต็มแบบไหน FAT หรือ NTFS เข้าให้ ก็ต้องมานั่งคิดกันว่า แล้วอะไรมันดีกว่ากันล่ะ?!? FAT16 เจ้า FAT16 เนี่ยเป็นไฟล์ซิสเต็มที่มีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 หรือ 20 ปีเข้าไปแล้ว (ตั้งแต่สมัยผมอายุได้สองขวบปี) โดยความจริงแล้วเจ้า FAT16 นั้นถูกออกแบบมาเพื่อจะใช้งานกับไฟล์ต่างๆ บนแผ่นดิสก์เก็ต (สำหรับน้องๆ รุ่นใหม่ อาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าเมื่อก่อนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไม่มีฮาร์ดดิสก์นะครับ คุณของแบบนี้เมื่อก่อนนั้นแพงมาก สมัยผมเรียนอยู่ประถมปลาย มีวิชาคอมพิวเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง บูตด้วยแผ่นดิสก์แล้วไปดึงข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์ที่อยู่ในเครื่องเซิร์ฟเวอร์ครับ นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้ใช้งานระบบเครือข่าย แต่ว่าดันไม่เคยรู้ตัวเลยว่านั่นเป็นระบบเครือข่าย) แล้วต่อมาก็ได้มีการปรับแต่งเล็กๆ น้อยๆ เพื่อที่จะให้มันใช้งานกับฮาร์ดดิสก์ได้ และยังสามารถที่จะใช้งานกับชื่อของไฟล์ที่ยาวกว่าเมื่อก่อน (เมื่อก่อนระบบ FAT16 สามารถใช้งานกับไฟล์ที่มีชื่อยาวเพียง 8.3 ตัวอักษรเท่านั้น)... ข้อดีของไฟล์ซิสเต็มแบบ FAT16 ก็คือ มันสามารถใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการที่หลากหลายได้ เช่น Windows 95, Windows 98, Windows ME, OS/2, Linux, และบางเวอร์ชันของ UNUX... แต่ว่า Windows NT ที่มีระบบไฟล์ซิสเต็มเป็น NTFS จะมองไม่เห็นครับ และในทางกลับกันระบบ FAT ก็จะมองฮาร์ดดิสก์ที่เป็น NTFS ไม่เห็นเช่นกัน... หลายคนคงอยากเถียงว่าตอนเล่นในห้องคอมพิวเตอร์ หรือที่บริษัท ก็ยังสามารถที่จะไปดึงข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์ของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่เป็น Windows NT หรือ 2000 ที่เป็น NTFS ได้เลย แถมเครื่องเซิร์ฟเวอร์ก็ยังมาดึงข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์ที่เป็น FAT16 หรือ FAT32 ได้ด้วย... อันนี้ต้องทำความเข้าใจนะครับว่า ในรูปแบบของระบบเครือข่ายนั้น หากคุณไปดึงข้อมูลที่แชร์เอาไว้ในเครื่องอื่นๆ มันจะไม่สนใจหรอกครับ ว่าฮาร์ดดิสก์เครื่องนั้นมีไฟล์ซิสเต็มเป็นแบบไหน มันสนแค่ว่าข้อมูลเหล่านั้นถูกแชร์เอาไว้หรือไม่ และมีอยู่จริงหรือไม่ เท่านั้นเองครับ... แต่ปัญหาของ FAT16 ที่ทำให้มันต้องสูญพันธุ์ไปตามกาลเวลาก็คือจำนวนสูงสุดของคลัสเตอร์ต่อพาร์ติชัน (Maximum number of clusters per partition) นั้นถูกกำหนดเอาไว้ตายตัว ดังนั้นเมื่อฮาร์ดดิสก์มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น แต่ว่าจำนวนคลัสเตอร์ยังเท่าเดิม ก็หมายความว่าขนาดของคลัสเตอร์ก็จะใหญ่ขึ้นตามด้วย อย่างในกรณีของฮาร์ดดิสก์ขนาด 2GB นั้นจะมีคลัสเตอร์ที่ใหญ่ถึง 32KB นั่นก็หมายความว่า ต่อให้เราพิมพ์เอกสารที่มีตัวอักษรเพียง 10 ตัว แต่ขนาดของไฟล์ก็จะมีขนาดถึง 32KB ซึ่งเป็นขนาดเล็กสุดของคลัสเตอร์ทีเดียว ซึ่งแสดงว่าระบบ FAT16 นั้นใช้งานพื้นที่ของฮาร์ดดิสก์ได้อย่างสิ้นเปลืองเอามากๆ ทีเดียว... นอกจากนี้ขีดจำกัดเรื่องขนาดสูงสุดของฮาร์ดดิสก์ที่มันรองรับได้ก็เป็นข้อเสียอีกเรื่องหนึ่ง ก็อย่างที่บอกนั่นแหละครับว่าระบบ FAT16 นั้นแรกเริ่มเดิมทีถูกออกแบบมาเพื่อจะใช้งานกับแผ่นดิสก์ที่สมัยนั้นมีขนาดเพียง 1.44MB อย่างมาก ดังนั้นในยุคแรกๆ จึงมีปัญหาตามมาเมื่อระบบ FAT16 ใน MS-DOS ยุคแรกๆ สามารถรองรับฮาร์ดดิสก์ได้เพียง 32MB เท่านั้น!! แต่ก็ได้ถูกแก้ไขให้รองรับได้เป็น 128MB ต่อมาใน MS-DOS 4.0 และเรื่อยมาเป็น 2GB ในปัจจุบัน แต่ก็อย่างที่เห็นตอนนี้แหละนะครับ ว่าฮาร์ดดิสก์ขนาด 2GB นั้นหาซื้อไม่ได้แล้ว ขนาดผมจะไปเดินหาซื้อฮาร์ดดิสก์ขนาด 10.2GB ผมยังหาซื้อแทบไม่ได้เลย ในตลาดบ้านเราตอนนี้ผมว่า 20GB นี่ต่ำสุดแล้วครับ (และอีกไม่นานผมว่า 30GB นี่แหละ จะต่ำสุด) ดังนั้นตอนที่ไมโครซอฟต์ออก Windows 95 OSR2 ก็เลยภูมิใจเสนอ FAT32 ที่ใช้ข้อมูล 32 บิตในการอ้างอิงถึงที่อยู่ของคลัสเตอร์ (FAT16 ใช้เพียง 16 บิต) ทำให้สามารถที่จะมีจำนวนของคลัสเตอร์บนพาร์ติชันได้มากกว่า และสามารถแก้ปัญหาของ FAT16 ในบางเรื่องได้ครับ FAT32 คุณระบบ FAT32 เนี่ย แรกเริ่มเดิมทีก็อย่างที่บอกไปเมื่อตะกี้ว่าออกมาพร้อมกับ Windows 95 OSR2 (Service Pack 2) และเป็นแค่เพียง FAT16 ที่ได้รับการแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อที่จะได้มีจำนวนคลัสเตอร์ต่อพาร์ติชันมากขึ้น ดังนั้นเลยมีความสามารถที่จะรองรับฮาร์ดดิสก์ที่มีขนาดใหญ่สูงสุดได้ถึง 2TB (2000GB) ทีเดียว แต่อย่างไรก็ดี มันก็แลกมากับการสูญเสียความสามารถในการใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการที่หลากหลายไปครับ... FAT16 และ FAT32 มีข้อด้อยเหมือนๆ กันอยู่เรื่อง ก็คือ มันไม่สนับสนุนการบีบอัดข้อมูล การเข้ารหัสข้อมูล และไม่มีฟีเจอร์ในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลด้วยการกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลครับ NTFS NTFS หรือ NT File System นั้นชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าน่าจะเปิดตัวบนระบบปฏิบัติการ Windows NT แน่นอน เจ้า NTFS เนี่ยแตกต่างจาก FAT โดยสิ้นเชิงครับ มันมีทั้งความสามารถในการบีบอัดข้อมูลแบบไฟล์ต่อไฟล์ มีความสามารถในการกำหนดโควต้าการใช้งานพื้นที่บนฮาร์ดดิสก์ มีความสามารถในการกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลให้กับผู้ใช้งานแต่ละคน และยังมีความสามารถในการเข้ารหัสข้อมูลได้ด้วย ทว่าข้อเสียของ NTFS ในยุคของ Windows NT ก็คือมันไม่สามารถมองเห็นฮาร์ดดิสก์ที่เป็นไฟล์ซิสเต็มแบบ FAT ได้นั่นเอง และนั่นก็ทำให้มันไม่สามารถที่บูตด้วยแผ่นดิสก์แบบปกติได้ (เพราะว่าการบูตด้วยแผ่นดิสก์จะมองฮาร์ดดิสก์ที่เป็น FAT เห็นเท่านั้น แต่ปัญหาเรื่องของฮาร์ดดิสก์แบบ NTFS มองฮาร์ดดิสก์แบบ FAT ไม่เห็นได้หมดไปกับการปรากฏตัวของ Windows 2000 และ Windows XP ที่มีความสามารถในการสนับสนุนไฟล์ซิสเต็มทั้งแบบ FAT และ NTFS ทำให้ระบบปฏิบัติการ Windows 2000 และ Windows XP สามารถที่จะมองฮาร์ดดิสก์ทั้งแบบ NTFS และ FAT เห็นหมดเลย เฮ... นอกจากนี้ คุณอาจจะเลือกที่จะติดตั้ง Windows 2000 หรือ Windows XP บนไฟล์ซิสเต็มแบบ FAT ไปก่อน แล้วค่อยเปลี่ยน (Convert) มาเป็น NTFS ทีหลังก็ได้ด้วยคำสั่ง convert /fs:ntfs ที่ Command Prompt ครับ เพียงแต่ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า เมื่อเปลี่ยนมาใช้ NTFS แล้วจะเปลี่ยนกลับไปใช้ FAT ไม่ได้แล้วนะครับ แล้วผมควรจะใช้ไฟล์ซิสเต็มแบบไหนดี?!? ถ้าจะให้ฟันธงไปเลย ผมอยากบอกว่าไฟล์ซิสเต็มแบบ NTFS นั้นดีกว่าแบบ FAT มากพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณต้องการที่จะเก็บรักษาข้อมูลของคุณเอาไว้เป็นความลับ ดังนั้นหากเป็นไปได้แล้ว คุณควรจะเลือกใช้ไฟล์ซิสเต็มแบบ NTFS มากกว่าครับ อย่าไปหลงเชื่อใครว่าไฟล์ซิสเต็มแบบ NTFS นั้นไม่สามารถเล่นเกมได้ หรือเล่นได้แต่ก็ไม่ดีเท่า FAT นะครับ ไม่เกี่ยวกันเลยแม้แต่น้อยครับ มันอยู่ที่ฮาร์ดแวร์ และระบบปฏิบัติการที่คุณติดตั้งมากกว่า... กรณีเดียวที่คุณควรจะใช้งานไฟล์ซิสเต็มแบบ FAT ก็คือในกรณีที่คุณติดตั้งระบบปฏิบัติการมากกว่าสองระบบ เช่น Windows 98 หรือ Windows ME ควบคู่กับ Windows 2000 (หวังว่าคงไม่มีใครจะโชว์พาวเวอร์ด้วยการติดตั้ง Windows 2000 ร่วมกับ Windows XP นะครับ ผมว่ามันสิ้นเปลืองฮาร์ดดิสก์โดยเปล่าประโยชน์จริงๆ)***********************************************FAT32(File Allocation Table) เริ่มใช้ครั้งแรก ในOS MS Windows 98 จนถึง XPNTFS(NT File System)เริ่มใช้ครั้งแรก ในOS MS Windows NT ต้นแบของ Windows 2000 และXP สำหรับ NTFS มักใช้ในระบบที่ต้องการความปลอดภัยค่อนข้างสูงทำงานเร็วมักใช้ในองค์กรที่ต่อเครื่องระบบ เน็ตเวิร์คหลายๆๆเครื่องFAT32 ดีตรงที่สามารถเห็น ระบบ หลายระบบ ทั้ง FAT32 และ NTFS คือเวลา เราเอา NTFSมาต่อเข้ากับ FAT32 ก็สามารถมองเห็นครับ แต่เมื่อใดที่ เอาFAT32 มาต่อเข้ากับ NTFS จะมองไม่เห็นครับ(เท่าที่ลองดูนะครับไม่รู้ถูกหรือเปล่า) ข้อเสียของ FAT32 ก็ทำงานช้ากว่า และเก่ากว่าครับ ถ้าจะให้ง่ายก็ ทำให้เป็น FAT32 ให้หมดดีกว่าครับ กู้ระบบง่ายดีครับ แต่สำหรับผม ส่วนของWINDOWS เป็น NTFS เละส่วนที่เก็บ ข้อมูล อะไรต่างๆเป็น FAT32 ครับ ตรงป่าวครับน่าจะพอ แหะๆๆๆ *****************************************************************************