หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

ข้อสอบ วิชาหลักการตลาด (3200-1005)

วิชาหลักการตลาด (3200-1005)


ชุดที่ 2
1. กิจกรรมทางการตลาดที่มนุษย์สัมผัสมีกี่ลักษณะ

ก. 2 ลักษณะ ข. 3 ลักษณะ

ค. 4 ลักษณะ ง. 5 ลักษณะ

2. ส่วนประกอบทางการตลาด (Marketing Mix) หมายถึงข้อใด

ก. การสนับสนุนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

ข. ปัจจัยที่ช่วยให้การค้าเป็นธุรกิจด้านการตลาดตามวัตถุประสงค์

ค. การกำหนดราคาของสินค้าในรูปของมูลค่าผลิตภัณฑ์

ง. การจัดกิจกรรมติดต่อสังคมเพื่อเผยแพร่ข่าวสารกัน

3. ข้อใดคือความหมายของคำว่า “การจัดจำหน่าย”

ก. ผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องตามความต้องการของลูกค้า

ข. การกำหนดราคาสินค้าในรูปของมูลค่า

ค. การสนับสนุนเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยน

ง. การจัดกิจกรรมติดต่อสังคมเพื่อเผยแพร่ข่าวสาร

4. ข้อใดคือปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ทั้งหมด

ก. ภาวะทางเศรษฐกิจ, การเมืองและกฎหมาย

ข. เทคโนโลยี, ผลิตภัณฑ์

ค. ราคา, ผลิตภัณฑ์

ง. การจัดจำหน่าย, การแข่งขัน

5. คำว่า “อรรถประโยชน์ (Utility)” หมายถึงข้อใด

ก. การเข้ามามีบทบาทในการผลิต

ข. ความสามารถของสินค้าและบริการแต่ละชนิดที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค

ค. การใช้เวลาในการเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าและบริการ

ง. ถูกทุกข้อ





6. “ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า” เป็นสถาบันใด

ก. สถาบันการขนส่ง ข. สถาบันการขายส่ง

ค. สถาบันเกี่ยวกับการวิจัยตลาด ง. สถาบันเพื่อการลงทุน

7. ร.ส.พ. คือสถาบันในข้อใด

ก. สถาบันการขายปลีก ข. สถาบันการขายส่ง

ค. สถาบันการขนส่ง ง. สถาบันการประกันภัย

8. ข้อใดต่อไปนี้เป็นกิจกรรมที่มนุษย์ได้สัมผัส

ก. Marketing ข. Market

ค. Production ง. Marketing System

9. การสนับสนุนเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนให้แก่ผู้ซื้อและผู้ขายได้แก่ข้อใด

ก. การส่งเสริมการขาย ข. การจัดจำหน่าย

ค. ราคา ง. ผลิตภัณฑ์

10. นโยบายและกลยุทธ์เกี่ยวข้องกับเรื่องใด

ก. Price Mix ข. Promotion Mix

ค. Place Mix ง. Product Mix

11.นโยบายและกลยุทธ์เกี่ยวข้องกับเรื่องใด

ก. Price Mix ข. Promotion Mix

ค. Place Mix ง. Product Mix

12. ข้อใดมีความเกี่ยวข้องกับตลาดเป้าหมาย

ก. การแข่งขัน ข. เทคโนโลยี

ค. การเมืองและสังคม ง. ถูกทุกข้อ

13. การตลาดที่ส่งผลให้มนุษย์เกิดความเคยชิน ประทับใจ พอใจในสินค้าหรือบริการจนเกิดความจงรักภักดีในตรายี่ห้อ คืออรรถประโยชน์ด้านใด

ก. ด้านความเป็นเจ้าของ ข. ด้านเวลา

ค. ด้านราคา ง. ด้านภาพพจน์

14. วิวัฒนาการแนวคิดทางการตลาดแบ่งออกเป็นกี่ยุค

ก. 2 ยุค ข. 3 ยุค

ค. 4 ยุค ง. 5 ยุค

15. แนวคิดใดที่เป็นแนวทางปฏิบัติในยุคแรกของการตลาด

ก. แนวความคิดด้านการผลิต

ข. แนวคิดด้านผลิตภัณฑ์

ค. แนวคิดด้านการขาย

ง. แนวคิดด้านการตลาด

16. แนวคิดใดเป็นแนวทางปฏิบัติในยุคแรกของการตลาด

ก. แนวความคิดด้านการผลิต ข. แนวคิดด้านผลิตภัณฑ์

ค. แนวคิดด้านการขาย ง. แนวคิดด้านการตลาด

17. แนวความคิดใหม่ที่มุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภคคือข้อใด

ก. แนวความคิดด้านผลิตภัณฑ์

ข. แนวความคิดด้านการขาย

ค. แนวความคิดด้านการตลาด

ง. แนวความคิดด้านการตลาดเพื่อสังคม

18. สิ่งที่เสนอขายให้กับตลาดสามารถที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า กลุ่มเป้าหมายคือข้อใด

ก. Price ราคา ข. Place การจัดจำหน่าย

ค. Promotion การส่งเสริมการตลาด ง. Product ผลิตภัณฑ์

19. ข้อใดคือความหมายของคำว่าสิ่งแวดล้อมทางการตลาด

ก. สิ่งแวดล้อมภายในและสิ่งแวดล้อมภายนอกที่มีอิทธิพลและผลกระทบต่อการบริหาร การตลาด

ข. สิ่งแวดล้อมที่มุ่งสร้างภาพพจน์ที่ดีให้กับสินค้าหรือบริษัทในระยะยาว

ค. สิ่งแวดล้อมที่เป็นกิจกรรมสื่อสารมวลชนที่มุ่งจูงใจให้ผู้บริโภครู้จักสินค้า

ง. ถูกทุกข้อ

20. คำว่า “SWOT Analysis” หมายถึงข้อใด

ก. บทบาททางสังคมผู้บริโภค

ข. ภาวะที่อำนาจซื้อของประชาชนลดลง

ค. การวิเคราะห์และประเมินว่าธุรกิจมีจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคอย่างไร

ง. ภาวะที่ระดับราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็วกว่ารายได้ของผู้บริโภค

21. การที่องค์กรมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ถือว่าเป็นแนวความคิด ทางด้านใด

ก. แนวความคิดด้านการผลิต

ข. แนวความคิดด้านการขาย

ค. แนวความคิดด้านการตลาด

ง. แนวความคิดด้านการตลาดเพื่อสังคม

22. “โครงการหนังสือมือสองเพื่อน้องผู้ด้อยโอกาส” เป็นแนวความคิดทางการตลาดแบบใด

ก. แนวความคิดด้านการขาย

ข. แนวความคิดด้านการผลิต

ค. แนวความคิดด้านผลิตภัณฑ์

ง. แนวความคิดด้านการตลาดเพื่อสังคม

23. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง

ก. ส่วนประสมทางการตลาด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ ราคา การจัดจำหน่าย การส่งเสริมการขาย

ข. SWOT Analysis ได้แก่ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค

ค. Promotion Mix ได้แก่ Advertising, Public Relations, Sales Promotion, Personal Selling

ง. Marketing Mix ได้แก่ Product, Price, Place, Promotion

24. ข้อใดคือสิ่งแวดล้อมปัจจัยภายในที่สามารถควบคุมได้

ก. คู่แข่งขัน ข. ผลิตภัณฑ์

ค. ลูกค้า ง. วัฒนธรรม

25. การวิเคราะห์ข้อดีของสิ่งที่อยู่ภายในกิจการ หมายถึงข้อใด

ก. อุปสรรค ข. โอกาส

ค. จุดแข็ง ง. จุดอ่อน

26. ข้อใดกล่าวถูกต้อง

ก. การแบ่งส่วนการตลาด ประกอบด้วย 4 ระดับ

ข. การตลาดท้องถิ่น คือ การจำกัดกลุ่มตลาดให้เล็กและแคบลง

ค. การแบ่งส่วนตลาด หมายถึง การจัดเตรียมผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าที่เลือกขึ้นมา

ง. ข้อ ก และ ข ถูก

27. การตลาดลักษณะใดที่มุ่งขายให้กับลูกค้าคนใดคนหนึ่ง

ก. การตลาดที่มุ่งที่ตลาดกลุ่มเล็ก

ข. การตลาดท้องถิ่น

ค. การตลาดลูกค้ารับผิดชอบตนเอง

ง. การตลาดมุ่งเฉพาะบุคคล

28. ข้อใดคือลักษณะการแบ่งตลาดตามหลักภูมิศาสตร์

ก. การแบ่งเขตตลาดตามหลักการแบ่งพื้นที่เป็นสำคัญ

ข. การพิจารณาจากอิทธิพลต่อการสร้างแรงจูงใจในการตัดสินใจซื้อ

ค. การใช้เพศ อายุ รายได้ ขนาดครอบครัว การศึกษา เป็นเกณฑ์ในการกำหนด กลุ่มเป้าหมาย

ง. ถูกทุกข้อ

29. การแบ่งเขตตลาดลักษณะใดที่ใช้เกณฑ์ความรู้ ทัศนคติ และการตอบสนองเป็นสำคัญ

ก. การแบ่งตลาดตามลักษณะภูมิศาสตร์

ข. การแบ่งตลาดตามหลักพฤติกรรม

ค. การแบ่งตลาดตามหลักทางสังคมและจิตวิทยา

ง. การแบ่งตลาดตามหลักประชากรศาสตร์



30. ข้อใดกล่าวถูกต้องสำหรับหลักเกณฑ์การแบ่งส่วนตลาดอุตสาหกรรม

ก. การแบ่งตลาดอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จะใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับตลาดผู้บริโภค

ข. การแบ่งตลาดอุตสาหกรรมจะแบ่งตามลักษณะประชากรศาสตร์

ค. การแบ่งตลาดอุตสาหกรรมจะแบ่งตามตัวแปรการดำเนินงาน

ง. ถูกทุกข้อ

31. การแบ่งส่วนตลาดตามลักษณะภูมิศาสตร์คือข้อใด

ก. เพศ ข. อายุ

ค. อาชีพ ง. ความหนาแน่น

32. การประกอบธุรกิจผลิตสินค้าเพื่อจำหน่าย เจ้าของธุรกิจต้องศึกษาเรื่องใดก่อน

ก. ต้นทุน ข. วัตถุดิบ

ค. ตลาดเป้าหมาย ง. ผลิตภัณฑ์

33. กลยุทธ์สำหรับผู้เจาะตลาด เกี่ยวข้องกะผู้ใด

ก. อัตราการบริโภค ข. การพัฒนาตนเองให้ชำนาญ

ค. ส่วนแบ่งการตลาด ง. การเลือกตาม

34. กลยุทธ์ที่พยายามนำผลิตภัณฑ์ไปขายในสถานที่ใหม่ๆ คือข้อใด

ก. กลยุทธ์เชิงภูมิศาสตร์ ข. กลยุทธ์ตลาดผู้นำ

ค. กลยุทธ์ผู้ตามตลาด ง. กลยุทธ์ผู้ท้าชิง

35. การแบ่งส่วนตลาดตามลักษณะพฤติกรรม

ก. เกลียด ไม่ชอบ ภูมิใจ ข. ซื่อตรง มีระเบียบ

ค. วัยรุ่น หนุ่มสาว ง. เขตหนาว เขตอบอุ่น

36. ข้อใดคือลักษณะของผู้บริโภค

ก. บุคคลที่มีความต้องการ ข. เป็นผู้ที่มีอำนาจซื้อ

ค. เกิดพฤติกรรมการซื้อ-การใช้ ง. ถูกทุกข้อ

37. ข้อใดคือลักษณะของผู้ที่มีอำนาจซื้อ

ก. ผู้บริโภคเกิดความต้องการและมีอำนาจซื้อ

ข. ผู้บริโภคจะมีเพียงแค่ความต้องการซื้ออย่างเดียว

ค. ผู้บริโภคจะมีเพียงแค่ความต้องการอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องสามารถซื้อได้

ง. ผู้บริโภคมีความต้องการในผลิตภัณฑ์ของธุรกิจ

38. ทฤษฎีลำดับขั้นตอนความต้องการของมาสโลว์มีกี่ขั้นตอน

ก. 5 ขั้นตอน ข. 6 ขั้นตอน

ค. 7 ขั้นตอน ง. 8 ขั้นตอน







39. ข้อใดคือความต้องการขั้นพื้นฐานของทฤษฎีมาสโลว์

ก. ความต้องการความรักและการยอมรับ

ข. ความต้องการด้านร่างกาย

ค. ความต้องการการยกย่องนับถือ

ง. ความต้องการความปลอดภัยและมั่นคง

40. การที่มนุษย์เกิดความภาคภูมิใจหากได้รับการยอมรับคือความต้องการข้อใด

ก. ความต้องการทางด้านร่างกาย ข. ต้องการความรักและการยอมรับ

ค. ความต้องการการยกย่องนับถือ ง. ความต้องการความสำเร็จในชีวิต

41. การวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นการวิจัยพฤติกรรมอะไร

ก. พฤติกรรมการใช้ของผู้บริโภค

ข. พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค

ค. พฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภค

ง. ข้อ ก และ ข ถูก

42. แบบจำลองพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นการศึกษาเรื่องใด

ก. การศึกษาถึงเหตุจูงใจที่ทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์

ข. กระบวนการการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภค

ค. การศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค

ง. ทฤษฎีความต้องการของมาสโลว์

43. ข้อใดหมายถึงผู้บริโภค

ก. บุคคลที่หาข้อมูลผลิตภัณฑ์ของธุรกิจ

ข. บุคคลที่เห็นโฆษณาผลิตภัณฑ์ของธุรกิจ

ค. บุคคลที่ซื้อผลิตภัณฑ์ของธุรกิจ

ง. บุคคลที่พอใจผลิตภัณฑ์ของธุรกิจ

44. กระบวนการแรกของการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้แก่ข้อใด

ก. แสวงหาภายใน ข. ประเมินทางเลือก

ค. แสวงหาภายนอก ง. การมองเห็นปัญหา

45. ข้อใดเป็นวิธีการแสวงหาภายนอก

ก. การถามพนักงานขาย ข. การดูโฆษณา

ค. การไป ณ จุดขาย ง. ถูกทุกข้อ











46. ข้อใดกล่าวถูกเกี่ยวกับการประเมินทางเลือก

ก. การประเมินทางเลือกเกิดขึ้นหลังการแสวงหาข้อมูลแล้ว

ข. นักการตลาดต้องพยายามหามาตรการในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค

ค. การปรับเปลี่ยนสินค้าให้ตรงกับมาตรการการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคง่ายกว่า การเปลี่ยนมาตรการของผู้บริโภค

ง. กล่าวถูกทุกข้อ

47. ข้อใดเป็นสิ่งกระตุ้นที่ควบคุมไม่ได้

ก. สิ่งกระตุ้นทางเศรษฐกิจ

ข. สิ่งกระตุ้นด้านราคา

ค. สิ่งกระตุ้นด้านผลิตภัณฑ์

ง. สิ่งกระตุ้นด้านช่องทางการจัดจำหน่าย

48. คำว่า “จรรยาบรรณ” ตามความหมายพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานคือข้อใด

ก. กริยาที่ควรปฏิบัติ

ข. หลักศีลธรรมและค่านิยมที่คนแต่ละกลุ่มใช้เป็นฐานอ้างอิง

ค. หนังสือแสดงความประพฤติ

ง. ประมวลความประพฤติที่ผู้ประกอบอาชีพการงานแต่ละอย่างกำหนดขึ้น

49. ข้อใดคือจรรยาบรรณในการประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า

ก. รักษาภาพพจน์ ชื่อเสียงของกิจการ

ข. มีสัมพันธภาพที่ดีกับคู่แข่งขัน

ค. การส่งมอบสินค้าให้ตรงเวลา

ง. มีความเชื่อมั่นต่อกิจการหรือเจ้าของกิจการ

50. ข้อใดคือความหมายของคำว่า “จริยธรรม”

ก. การยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตในการประกอบธุรกิจ

ข. ระเบียบแบบแผนหรือข้อปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการกระทำ

ค. การกระทำหรือข้อตกลงใดๆของบริษัท

ง. ถูกทุกข้อ

51. จากคำตอบข้อ 50 ข้อใดคือความหมายของคำว่า “จริยธรรมทางธุรกิจ”

ก. การยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตในการประกอบธุรกิจ

ข. ระเบียบแบบแผนหรือข้อปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการกระทำ

ค. การกระทำหรือข้อตกลงใดๆของบริษัท

ง. ถูกทุกข้อ







52. ผู้มีอาชีพนักการตลาดควรมีคุณสมบัติในข้อใด

ก. ความสามารถ ความสำเร็จ ความรับผิดชอบ

ข. ความรับผิดชอบ ความชอบและความไม่พอใจ ความสามารถ

ค. ความสำเร็จ ความต้องการและสิ่งจูงใจ ความรับผิดชอบ

ง. ความสำเร็จ ความสามารถ วัตถุประสงค์ส่วนตัว

53. นักการตลาดควรยึดถือความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ คือจรรยาบรรณที่เกี่ยวข้องกับ ข้อใด

ก. จรรยาบรรณที่เกี่ยวข้องกับคู่แข่งขัน

ข. จรรยาบรรณที่เกี่ยวข้องกับสังคม

ค. จรรยาบรรณที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า

ง. จรรยาบรรณที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย

54. จริยธรรมของนักการตลาดประกอบด้วยในข้อใด

ก. ความรับผิดชอบต่อสังคม ความรับผิดชอบต่อตนเอง

ข. ความรับผิดชอบต่อลูกค้า ความรับผิดชอบต่อกิจการ

ค. ความรับผิดชอบต่อคู่แข่งขัน ความรับผิดชอบต่อกฎหมาย

ง. ถูกทุกข้อ

55. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง

ก. บริษัทจะเสนอและรับสินบนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมเพื่อให้เกิดประโยชน์ใน การดำเนินธุรกิจ

ข. การกระทำหรือข้อตกลงใดๆ ของบริษัทจะต้องทำอย่างถูกต้องและเป็นธรรม

ค. พนักงานทุกคนต้องหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับหน้าที่ ความรับผิดชอบ

ง. บริษัทจะต้องทำอย่างถูกต้องและเป็นธรรมโดยยึดหลักเกณฑ์ของบริษัทและสามารถตรวจสอบได้

56. ข้อใดเป็นองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ที่สามารถสัมผัสได้

ก. แนวความคิด ข. การให้บริการ

ค. บรรจุภัณฑ์ ง. ภาพพจน์

57. ข้อใดให้ความหมายของคำว่าผลิตภัณฑ์ได้ถูกต้อง

ก. สินค้าที่ผู้บริโภคทำการซื้อบ่อยครั้ง

ข. สินค้าที่ผู้บริโภคซื้อไปใช้ในชีวิตประจำวัน

ค. สินค้าที่ผู้ซื้อมิได้วางแผนการซื้อสำหรับการซื้อในแต่ละครั้ง

ง. สิ่งที่เสนอขายให้กับตลาด สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้





58. หนังสือพิมพ์เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคชนิดใด

ก. สินค้าสะดวกซื้อ ข. สินค้าหลักที่จำเป็น

ค. สินค้าที่ซื้อเฉพาะหน้า ง. สินค้าที่ซื้อตามความต้องการเร่งด่วน

59. สินค้าที่ซื้อตามความต้องการเร่งด่วนคือสินค้าในข้อใด

ก. ผ้าอนามัย , ยาสีฟัน ข. น้ำปลา , ผงซักฟอก

ค. ผ้าอนามัย , พาสเตอร์ปิดแผล ง. พาสเตอร์ปิดแผล , ผงซักฟอก

60. สินค้าที่ซื้อเพื่อใช้ในการผลิต การให้บริการคือข้อใด

ก. สินค้าอุปโภค-บริโภค ข. สินค้าอุตสาหกรรม

ค. สินค้าเจาะจงซื้อ ง. สินค้าหลักที่จำเป็น

61. เหมืองแร่ เป็นวัตถุดิบชนิดใด

ก. ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ข. ผลิตภัณฑ์เกษตรกรรม

ค. วัสดุและชิ้นส่วนประกอบ ง. ข้อ ก และ ข ถูก

62. คอมพิวเตอร์เป็นกลุ่มสินค้าประเภทใด

ก. กลุ่มวัตถุดิบและชิ้นส่วนประกอบ ข. กลุ่มสินค้าประเภททุน

ค. กลุ่มวัสดุสิ้นเปลืองและบริการ ง. ถูกทุกข้อ

63. เครื่องฟอกอากาศ จัดเป็นสินค้าประเภทใด

ก. สินค้าสะดวกซื้อ ข. สินค้าไม่แสวงซื้อ

ค. สินค้าเจาะจงซื้อ ง. สินค้าเปรียบเทียบซื้อ

64. ข้อใดจัดเป็นลักษณะของตลาดอุตสาหกรรม

ก. โรงงานมักตั้งอยู่ใกล้ชุมชน ข. มีผู้ซื้อจำนวนมาก

ค. ซื้อเพื่อใช้ในครอบครัว ง. ซื้อครั้งละมากๆ

65. ข้อใดจัดกลุ่มได้ถูกต้องตามลักษณะของสายผลิตภัณฑ์ Product Line

ก. หนังสือ ขนมปัง ปากกา ข. โทรศัพท์ ไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า

ค. น้ำตาล กาแฟ คอฟฟี่เมท ง. ผงชูรส เสื้อผ้า แชมพู

66. ข้อใดหมายถึงเครื่องหมายการค้า

ก. Trade Mark ข. Trade Name

ค. Brand Mark ง. Brand Name

67. รศ. ศิริวรรณ เสรีรัตน์ ได้ให้ความหมายของคำว่าราคาในข้อใด

ก. มูลค่าของสินค้าและบริการในรูปแบบของตัวเงิน

ข. ราคาที่กำหนดขึ้นโดยความต้องการซื้อ

ค. ราคาที่กำหนดขึ้นโดยความต้องการขาย

ง. ถูกทุกข้อ





68. ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ในการตั้งราคา

ก. เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ข. เพื่อเพิ่มเงินสดหมุนเวียน

ค. เพื่อความหลากหลายในสินค้า ง. เพื่อให้ได้กำไรสูงสุด

69. วัตถุประสงค์ในการตั้งราคาเพื่อรักษาส่วนครองตลาดคือข้อใด

ก. การกำหนดราคาให้เท่ากับคู่แข่งหรือต่ำกว่าคู่แข่ง

ข. การกำหนดราคาที่มั่นใจได้ว่าจะทำให้ยอดขายของบริษัทมีสัดส่วนของ การครองตลาดเท่าเดิม

ค. การลดราคาสินค้าลงมาเพื่อรักษาสถานการณ์ของธุรกิจให้อยู่รอด

ง. การปรับปรุงราคาและให้ส่วนลดเพื่อเป็นการกระตุ้นลูกค้าเก่าให้ซื้อมากขึ้น

70. การตั้งราคาแบบ F.O.B. เป็นการกำหนดราคาแบบใด

ก. การกำหนดราคาสินค้า ณ จุดผลิตโดยไม่รวมค่าขนส่ง

ข. การตั้งราคาซึ่งผู้ขายจะต้องจ่ายค่าขนส่งไปจนถึงที่ตั้งของผู้ซื้อ

ค. การตั้งราคาโดยกำหนดจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งเป็นจุดฐาน

ง. ผู้ซื้อที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่างกัน จะซื้อสินค้าในราคาที่ต่างกัน

71. การตั้งราคาในเทศกาลพิเศษเป็นการตั้งราคาเพื่อเหตุใด

ก. การตั้งราคาโดยให้ส่วนลดและส่วนยอมให้

ข. การตั้งราคาตามภูมิศาสตร์

ค. การตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา

ง. การตั้งราคาเพื่อการส่งเสริมการตลาด

72. การกำหนดราคาสำหรับสินค้าที่เสื่อมความนิยมคือข้อใด

ก. การตั้งราคาล่อใจ

ข. การตั้งราคา ณ ระดับราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด

ค. เปลี่ยนตำแหน่งของสินค้าเสียใหม่แล้วขึ้นราคาของสินค้า

ง. การตั้งราคาระดับต่ำหรือราคาเจาะตลาด

73. ในสายตาของลูกค้า ข้อใดคือราคาที่เหมาะสม

ก. ราคาต้องกำหนดตามต้นทุน

ข. ราคาต้องกำหนดตามคู่แข่งขัน

ค. ราคาต้องกำหนดขึ้นโดยความต้องการซื้อ

ง. ราคาต้องสอดคล้องกับคุณค่าของผลิตภัณฑ์

74. บางครั้งธุรกิจจำเป็นต้องลดราคาสินค้าให้ต่ำลง ดีกว่าการเลิกกิจการเพื่อวัตถุประสงค์ข้อใด

ก. เพื่อเพิ่มเงินสดหมุนเวียน

ข. เพื่อเพิ่มส่วนครองตลาด

ค. เพื่อดำรงการดำเนินธุรกิจต่อไป

ง. เพื่อต้องการรายได้จากการขาย

75. การตั้งราคาสินค้าให้สูงเพื่อแสดงถึงคุณค่าของสินค้าและความมีคุณภาพดีของสินค้า เป็นวัตถุประสงค์ในการกำหนดราคาข้อใด

ก. เพื่อมุ่งด้านสังคม ข. เพื่อสร้างภาพลักษณ์

ค. เพื่อสร้างยอดขาย ง. เพื่อรักษาส่วนครองตลาด

76. การตั้งราคาโดยถือเกณฑ์อุปสงค์ มีความหมายตรงกับข้อใด

ก. การตั้งราคาโดยดูจากความต้องการของผู้บริโภค

ข. ตั้งราคาโดยคำนวณจากต้นทุน

ค. การตั้งราคาโดยมุ่งที่การแข่งขัน

ง. ไม่มีข้อใดถูก

77. การตั้งราคาโดยถือเกณฑ์ต้นทุนต้องอาศัยสิ่งใดเข้ามาช่วยในการวิเคราะห์

ก. เงินลงทุน ข. กำไรของกิจการ

ค. ความคิดของผู้บริหาร ง. รายได้ของกิจการ

78. ผู้ผลิตบางรายไม่สามารถใช้ช่องทางการจัดจำหน่ายทางตรงได้จึงต้องอาศัยบุคคลในข้อใด

ก. ผู้ซื้อ ข. คนกลาง

ค. ผู้จำหน่าย ง. ทุกข้อที่กล่าวมา

79. ข้อใดคือหน้าที่ของคนกลางในการจัดจำหน่าย

ก. ขายสินค้า ข. ส่งเสริมการตลาด

ค. ช่วยลดภาระด้านการเงิน ง. ถูกทุกข้อ

80. กิจกรรมในการเคลื่อนย้ายผลิตภัณฑ์จากแหล่งผลิตไปยังผู้ใช้ขั้นสุดท้ายคือกิจกรรมใด

ก. กิจกรรมการขายสินค้า ข. การกระจายสินค้า

ค. ส่งเสริมการตลาด ง. การวิจัยตลาด

81. จุดสั่งซื้อที่ประหยัดที่สุดคือจุดใด

ก. ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อสูง ค่าใช้จ่ายในการรักษาต่ำ

ข. ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อต่ำ ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาสูง

ค. ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ และค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษารวมกันต่ำสุด

ง. ข้อ ก และ ข ถูก

82. วิธีการในการขนส่งสินค้ามีกี่วิธี

ก. 4 วิธี ข. 5 วิธี

ค. 6 วิธี ง. 7 วิธี

83. ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับคำว่า “ช่องทางอ้อม”

ก. คนกลาง ข. พ่อค้าส่ง

ค. พ่อค้าปลีก ง. ผู้ผลิตสู่ผู้บริโภค



84. คนกลางที่นำผู้ซื้อและผู้ขายให้มาพบกัน และเจรจาให้เกิดการซื้อขาย ไม่มีสินค้าไว้ใน ครอบครองไม่ต้องรับภาระด้านการเงิน หมายถึงข้อใด

ก. นายหน้า ข. พ่อค้าส่ง

ค. ตัวแทนขาย ง. ตัวแทนผู้ผลิต

85. ผู้ผลิตในข้อใดสามารถใช้วิธีการจัดจำหน่ายทางตรงได้

ก. ผู้ผลิตมีทุนน้อย

ข. ผู้ผลิตที่ขาดประสบการณ์ด้านการตลาด

ค. ผู้ผลิตที่มีจำนวนบุคลากรในองค์กรน้อย

ง. ไม่มีผู้ผลิตข้อใดใช้วิธีการจัดจำหน่ายทางตรงได้

86. ข้อใดเป็นค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาสินค้า

ก. ค่าเอกสาร ข. ค่าประกันภัย

ค. ค่าโทรศัพท์ ง. ไม่มีข้อใดถูก

87. กิจกรรมที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับคำสั่งของลูกค้าแล้วต้องจัดเตรียมใบกำกับสินค้าไปยังแผนกที่เกี่ยวข้องให้จัดเตรียมสินค้าต่อไป หมายถึงข้อใด

ก. การขนส่ง ข. การจัดการวัสดุ

ค. การคลังสินค้า ง. กระบวนการสั่งซื้อ

88. การจัดการเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายสินค้า วัสดุภายในคลังสินค้าและการเคลื่อนย้ายระหว่างการขนส่ง หมายถึงข้อใด

ก. การขนส่ง ข. การจัดการวัสดุ

ค. การคลังสินค้า ง. กระบวนการสั่งซื้อ

89. สินค้าที่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก ขนส่งระยะไกล ควรเลือกการขนส่งวิธีใด

ก. ทางอากาศ ข. ทางรถไฟ

ค. ทางรถบรรทุก ง. ทางน้ำ

90. การขนส่งทางใดเป็นบริการแบบ Door to Door Service

ก. ทางน้ำ ข. ทางรถไฟ

ค. ทางอากาศ ง. ทางรถบรรทุก

91. ข้อใดเป็นกลยุทธ์การส่งเสริมการตลาดแบบผลัก

ก. กระตุ้นให้คนกลางสั่งซื้อสินค้าไว้มากๆ เช่น ซื้อสินค้า 3 ลัง แถม 1 ลัง

ข. ใช้การโฆษณาร่วมกับการส่งเสริมการขาย

ค. การจัดประกวดร้านค้าเพื่อให้ร้านค้าปลีกนำสินค้ามาวางขาย

ง. ถูกทุกข้อ







92. ข้อใดคือข้อดีของการใช้สื่อวิทยุโทรทัศน์ในการโฆษณาสินค้า

ก. สามารถเปลี่ยนช่องได้เร็ว

ข. มีข้อจำกัดทางกฎหมายมาก

ค. เปลี่ยนเคลื่อนได้ง่าย

ง. เทคโนโลยีสูง สามารถดึงดูดใจผู้ชมให้ดูโฆษณาจนจบได้

93. ข้อเสียของการใช้หนังสือพิมพ์เป็นสื่อโฆษณาสินค้าคือข้อใด

ก. ราคาของหนังสือพิมพ์ถูก

ข. หาซื้อได้ง่าย

ค. ทันต่อเหตุการณ์

ง. อายุการใช้งานสั้น วันต่อวัน สัปดาห์ต่อสัปดาห์

94. การสนับสนุนในรูปของตัวเงิน สั่งของหรือให้ความร่วมมือด้านสถานที่จัดกิจกรรมเป็น การประชาสัมพันธ์กิจกรรมประเภทใด

ก. การจัดรายการบันเทิง ข. การเป็นสปอนเซอร์

ค. การจัดแข่งขัน ง. การจัดประกวด

95. ข้อใดเป็นการส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่ผู้บริโภค

ก. การแจกของตัวอย่าง ข. เงินรางวัล

ค. การให้เงินค่าเชียร์สินค้า ง. ถูกทุกข้อ

96. ข้อใดไม่ใช่ความหมายของการโฆษณา

ก. เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ

ข. เป็นการจูงใจ

ค. เป็นกิจกรรมสื่อสารมวลชน

ง. ซื้อเนื้อที่และเวลาในสื่อมวลชน

97. สื่อโฆษณาในข้อใดไม่ควรเขียนบรรยายสรรพคุณรายละเอียดของสินค้าลงในสื่อ

ก. หนังสือพิมพ์ ข. ไปรษณีย์

ค. ข้างรถประจำทาง ง. นิตยสาร

98. ข้อใดกล่าวถูกต้อง

ก. การโฆษณาให้ผลช้ากว่าการประชาสัมพันธ์

ข. การประชาสัมพันธ์ช่วยสร้างภาพพจน์ที่ดีให้กับกิจการ

ค. การโฆษณากับการประชาสัมพันธ์มีลักษณะเหมือนกัน

ง. การประชาสัมพันธ์เป็นงานที่สิ้นเปลืองงบประมาณและเปล่าประโยชน์

99. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของการส่งเสริมการขาย

ก. ไม่หวังผลทางการค้า ข. จัดทำขึ้นในระยะสั้น

ค. ช่วยสนับสนุนการขาย ง. เป็นกิจกรรมที่มีข้อเสนอพิเศษ



100. สินค้าประเภทใดที่เหมาะสมกับการส่งเสริมการขายโดยใช้หีบห่อส่วนเพิ่มมากที่สุด

ก. กาแฟผง ข. นมข้นหวาน

ค. น้ำปลา ง. น้ำมันพืช

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น